10 สถานที่กางเต็นท์บรรยากาศสุดแจ่มท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามทั่วประเทศไทย

Spread the love

1.จุดกางเต็นท์ป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม จ.กาญจนบุรี 

ที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย เป็นอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ของเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม) สามารถกางเต็นท์ค้างแรมได้ มีร้านค้าสวัสดิการ ห้องน้ำ ไฟฟ้ามีบริการที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว บริเวณจุดชมวิวป้อมปีห้ามนำรถยนต์เข้าไป แต่จะมีรถเข็นบริการขนสัมภาระไปยังยังจุดกางเต็นท์ 

ในช่วงกลางคืนถ้าวันไหนท้องฟ้าเปิด จะได้เห็นดาวเต็มท้องฟ้า หรือถ้าโชคดีอาจจะเจอทางช้างเผือกสวยๆ อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 
อุทยานแห่งชาติเขาแหลม โทร. 034 510 431

2.จุดกางเต็นท์เส้นทางศึกษาธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติเขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช 

พื้นที่ที่ได้รับยกย่องว่าเป็นหลังคาสีเขียวของภาคใต้ ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งถ้ำ จุดชมวิว น้ำตก รวมไปถึงเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สามารถแคมป์ปิ้งในป่าท่ามกลางธรรมชาติสวยๆ โดยเฉพาะหน้าฝนแบบนี้ อาจจะเปียกฝนหน่อย แต่รับรองได้บรรยากาศ สดชื่นสุดๆ 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 
อุทยานแห่งชาติเขาหลวง โทร. 075 300 494

3.จุดกางเต็นท์ปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน

เป็นอีกสถานที่ยอดนิยมในการแคมป์ปิ้ง เนื่องจากปางอุ๋งมีสภาพภูมิทัศน์ที่สวยงามและอากาศเย็นสบายทั้งปี มีอ่างเก็บน้ำที่แวดล้อมไปด้วยป่าสนสองใบ ในช่วงเช้าจะมีหมอกบางๆ ลอยขึ้นเหนือผืนน้ำ บางครั้งอาจจะได้เห็นหงส์ขาวและหงส์ดำผ่านมาให้ถ่ายรูปสวยๆ บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมากางเต็นท์พักแรมที่นี่ จึงจำเป็นต้องจองล่วงหน้า 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 
ศูนย์ศิลปาชีพจังหวัดแม่ฮ่องสอน โทร. 053 611 244

4.จุดกางเต็นท์ดอยม่อนคลุย จ.ตาก

ดอยม่อนคลุย อยู่ในเขต อ.ท่าสองยาง จ.ตาก อีกสถานที่แคมป์ปิ้งบนยอดดอยท่ามกลางเนินเขาที่เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเมย แม่น้ำแม่เงา ที่นี่สามารถนำรถขึ้นมาถึงได้แค่บริเวณเชิงดอย จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นไปยังจุดกางเต็นท์ ในตอนเช้าจะมองเห็นกลุ่มทะเลหมอกที่ปกคลุมไปตามสายน้ำแม่เมย ด้านตะวันออกและด้านเหนือจะเป็นขุนเขาสลับซับซ้อน มองเห็นยอดม่อนทูเลตั้งตระหง่านเป็นยอดเขาสูง ด้านบนไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ต้องเตรียมขึ้นไปเองทุกอย่าง 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 
อบต.ท่าสองยาง โทร. 055 577 437 
ททท.สำนักงานตาก โทร. 055 514 341-3

5.จุดกางเต็นท์ดอยปูจาลอน จ.น่าน

หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นกับชื่อนี้ แต่รับรองว่าจะต้องเป็นจุดชมวิวที่ไม่ธรรมดา เพราะของดีมักซ่อนตัวอยู่ลึกๆ เข้าถึงยาก แต่ก็ไม่เกินความสามารถของเหล่านักผจญภัยแน่นอน ที่นี่คือดอยปูจาลอน ตั้งอยู่ที่บ้านสันป่าสัก ต.เรือง อ.เมือง จ.น่าน เป็นจุดชมวิวเมืองน่านแห่งใหม่ ที่จะได้เห็นทะเลหมอกยามเช้าพร้อมกับวิวเมืองน่านสุดสายตา ในตอนกลางคืนก็สามารถดูดาวบนฟ้าและดาวบนดินได้พร้อมๆ กัน ทางขึ้นค่อนข้างชัน รถสามารถขึ้นได้แต่ก็ต้องเดินอีกนิดหน่อย ที่นี่ยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากเท่าไหร่นัก 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ผู้ใหญ่บ้านสันป่าสัก โทร. 087 176 8794

6.จุดกางเต็นท์บนภูกระดึง จ.เลย

ภูกระดึง ยอดดอยในตำนานที่ต้องเดินเท้าไต่เขาขึ้นไป เส้นทางพิสูจน์รักแท้ของชายหญิงหลายคู่ เชื่อกันว่าคู่รักที่มาเที่ยวภูกระดึงถ้ากลับไปไม่รักกันมากขึ้น ก็ต้องเลิกกัน ที่นี่เป็นแหล่งผจญภัยยอดนิยม มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไม่ขาดสายในช่วงเปิดให้ขึ้นเขาระหว่างเดือนตุลาคม-พฤษภาคมของทุกปี (จะปิดภูในช่วงหน้าฝน) 

จุดกางเต็นท์บนภูกระดึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งเต็นท์และเครื่องนอนให้เช่า ร้านอาหาร ห้องน้ำ ท่ามกลางบรรยากาศต้นสนสวยงาม อากาศหนาวเย็น แต่ข้อควรระวังคือทากเยอะ ควรพกสเปรย์หรือยากันทากไปด้วย ตอนกลางคืนหากท้องฟ้าโปร่งจะเห็นดาวสวยงาม ส่วนตอนเช้าต้องไม่พลาดเดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกสวยๆ ที่ผานกแอ่น 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง โทร. 042 810 833

7.จุดกางเต็นท์เขาพะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

อีกหนึ่งสถานที่กางเต็นท์ที่ควรไปให้ได้สักครั้ง มีจุดชมวิวดูทะเลหมอกสวยๆ เห็นได้ทั้งปีแม้กระทั่งในฤดูร้อน บรรยากาศของเทือกเขาสลับซับซ้อน ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ไม่น่าเชื่อว่าเพียง 3 ชั่วโมงเศษๆ จากกรุงเทพฯ จะได้พบกับธรรมชาติฟินๆแบบนี้ บริเวณจุดกางเต็นท์ มีห้องน้ำ ร้านสวัสดิการ จะนำเต็นท์มาเองหรือเช่าที่อุทยานฯ ก็ได้ ถ้าวันไหนฟ้าฝนเป็นใจ ช่วงกลางคืนก็จะได้เห็นดาวเต็มท้องฟ้าสวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆ เช่นกัน 

ใครสนใจมาแค้มป์ปิ้งที่นี่ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โทร. 032 459 293

8.จุดกางเต็นท์ดอยเสมอดาว อุทยานแห่งชาติศรีน่าน จ.น่าน 

ถ้าพูดถึงจุดกางเต็นท์ยอดนิยมในประเทศไทย ดอยเสมอดาวต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน สถานที่แคมป์ปิ้งสุดโรแมนติกบนยอดเขาที่แม้ไม่สูงมากนัก แต่วิวสวยมาก อากาศก็เย็นสบายทั้งปี รถสามารถขึ้นถึงยอดดอย มีห้องน้ำบริการ ด้านล่างตรงทางขึ้นดอยมีร้านอาหาร สามารถสั่งให้มาส่งบนจุดกางเต็นท์ได้ 

ไฮไลท์ของที่นี่แน่นอนว่าทุกคนต้องตั้งตารอชมทะเลดาวเต็มท้องฟ้า ซึ่งเห็นได้ชัดเจนมาก จนรู้สึกเหมือนดาวบนฟ้าอยู่ใกล้เรานิดเดียว นี่สินะที่ทำให้ดอยแห่งนี้ได้ชื่อว่า “ดอยเสมอดาว” ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการไปกางเต็นท์นอนดูดาวที่นี่ จะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 
อุทยานแห่งชาติศรีน่าน โทร. 098 803 2872

9.จุดกางเต็นท์อ่างสลุง ดอยหลวงเชียงดาว จ.เชียงใหม่ 

เป็นจุดกางเต็นท์ที่ต้องเดินเท้าขึ้นไปบนดอยหลวงเชียงดาว ที่มีความสูงกว่า 2,275 เมตร ยอดดอยที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย และเป็นยอดดอยที่ต้องเดินเท้าขึ้นไปสูงที่สุดของไทย กว่าจะไปถึงจุดกางเต็นท์ก็เสียเหงือไปกันเยอะเลยทีเดียว แต่บรรดานักผจญภัยทั้งหลายคงชื่นชอบสุดๆ ระหว่างทางจะพบกับพันธุ์ไม้หายากจำนวนมาก ได้แก่ เทียนนกแก้ว ฟองหินเหลือง ชมพูเชียงดาว เป็นต้น ซึ่งจะเบ่งบานต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงปลายฝนต้นหนาว(ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม) 

จุดกางเต็นท์อ่างสลุง จะเป็นที่ราบเชิงเขาแคบๆ ไล่ระดับกันไปมีพื้นที่ไม่เยอะนักจึงต้องจำกัดจำนวนคน กลางคืนจะมองเห็นดาวสวยงามถ้าฟ้าเปิด ตอนเช้าเปิดเต็นท์ออกมาจะเจอทะเลหมอกสวยๆ แต่จุดที่สวยที่สุดจะต้องเดินขึ้นเขาไปอีกเล็กน้อย จะได้ชมทั้งพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอกสุดแจ่ม ท่ามกลางดอกไม้หาดูยากที่จะพบที่ดอยหลวงเชียงดาวเท่านั้น 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยหลวงเชียงดาว โทร. 053 456 623

10.จุดกางเต็นท์ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่

ใครอยากสัมผัสหมอกแบบใกล้ชิด สูดอากาศสดชื่น เย็นๆ แบบเต็มปอด ชมดอกไม้เมืองหนาวในโครงการหลวง ชมวิถีชีวิตชาวเขาเก็บใบชาในไร่ชาตอนเช้า ต้องมาที่นี่ ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่ ยิ่งถ้ามากางเต็นท์นอนสักคืนสองคืนรับรองฟินแน่นอน

ที่นี่มีจุดกางเต็นท์หลายจุดด้วยกัน ได้แก่ ลานกางเต็นท์ป่าสน ลานกางเต็นท์ฐานปฏิบัติการบ้านนอแล จุดชมวิวบ้านขอบด้ง ลานกางเต็นท์หน่วยจัดการต้นน้ำแม่เผอะ และกางเต็นท์ฐานปฏิบัติการอ่างขาง แต่จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกางเต็นท์มากที่สุดคือ บริเวณลานป่าสน เพราะสามารถมองเห็นวิวทะเลหมอกได้อย่างสวยงาม มีป่าสนร่มรื่น มีร้านค้า ร้านอาหาร รวมทั้งห้องน้ำอยู่ในบริเวณนี้ สะดวกสบายเป็นอย่างมาก 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง โทร. 053 969 476-78 ต่อ 114

Scroll to Top