ปั่นสองน่อง ท่องนครแห่งศิลาแลง

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เป็นส่วนหนึ่งของเมืองมรดกโลก (อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร) ที่ยูเนสโกประกาศไว้เมื่อ พ.ศ.2534

มีโบราณสถานที่สวยงาม สามารถไปปั่นจักรยาน ซึมซับบรรยากาศของเมืองที่เคยรุ่งเรืองในอดีต แล้วเราจะพบว่าเมืองแห่งนี้นั้นสงบสุขเพียงไร 

ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 08.00 – 16.30 น. 
ค่าเข้าชม
ชาวไทย 20 บาท : ชาวต่างประเทศ 100 บาท 
อัตราค่ายานพาหนะ
รถจักรยานสองล้อ คันละ 30 บาท/คัน

พร้อมแล้ว ไปปั่นกันเลย!

ที่แรกเราแวะที่ ศาลหลักเมือง
เมืองกำแพงเพชร เป็นเมืองที่มีนามอันเป็นมงคล หมายถึง ความมั่นคง ประดุจเป็นเมืองที่มีปราการทำด้วยเพชร ศาลหลักเมืองกำแพงเพชรจึงเป็นสิ่งที่พ้องกับความมั่นคงไม่หวั่นไหว จึงเหมาะสำหรับขอพรเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย อาชีพ ของหาย ของรัก ฯลฯ

ปั่นมาแป๊บเดียว ใกล้ๆกัน คือ วัดพระแก้ว

อยู่ใจกลางเมืองกำแพงเพชร เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เป็นวัดสำคัญอยู่ในบริเวณวังเช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย 

ภายในวัดประกอบด้วยโบราณสำคัญๆ ได้แก่

พระวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น 3 องค์ ซึ่งภายในองค์พระก่อด้วยศิลาแลง ประกอบด้วยพระพุทธรูปปางไสยาสน์ 1 องค์ ประดิษฐานอยู่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย 2 องค์ พระพุทธรูปมีพระพักตร์ค่อนข้างเหลี่ยม ตามแบบศิลปะอู่ทอง

เจดีย์ประธานทรงระฆัง ที่ฐานมีร่องรอยของการทำสิงห์ล้อม เหนือขึ้นไปเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งชำรุดไปเกือบหมด 

นอกจากนี้ภายในวัดยังมี เจดีย์ช้างล้อม วิหาร มณฑป อุโบสถ และเจดีย์ราย ทั้งหมดล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลงเป็นแท่ง

บรรยากาศ สงบ ร่มเย็นมากจริงๆ 

ปั่นไปกันต่อที่ วัดพระธาตุ

อยู่ด้านทิศตะวันออกติดกับวัดพระแก้ว มีเจดีย์ทรงระฆังฐานแปดเหลี่ยมเป็นประธาน ล้อมรอบด้วยระเบียงคด

ยิ่งใหญ่ สวยงาม

ที่ถัดมาคือ วัดพระนอน
.
วิหารวัดพระนอน ภายในเรียงรายด้วยเสาขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยศิลาแลง ซึ่งความพิเศษอยู่ที่ เสาแต่ละต้นใช้ศิลาแลงเพียงก้อนเดียวเท่านั้น! 

หลักฐานทางประติมากรรมที่พบคือ ใบเสมารูปเทพนม พาลีกับทรพีสันนิษฐานว่าสลักขึ้นในสมัยอยุธยา 

ด้านหน้าของวิหารคืออุโบสถขนาดใหญ่ มีกำแพงศิลาแลงปักล้อมรอบวัดทั้ง 4 ด้าน ฐานและเสาทำจากศิลาแลง ทางเดินปูด้วยศิลาแลง 

มาต่อกับที่ถัดมา วัดพระสี่อิริยาบถ หรือ วัดพระยืน

ด้านหน้าวัดมีอุโบสถขนาดใหญ่ยกฐานสูง 2 เมตร ถัดเข้ามาเป็นมณฑปจัตุรมุข แต่ละทิศประดิษฐานพระพุทธรูป 4 อิริยาบถ เรียงจากทิศตะวันออกไปยังทิศเหนือ (ตามเข็มนาฬิกา) คือ เดิน นั่ง ยืน และนอน ตามลำดับ 

ปัจจุบันเหลือเพียงพระยืนขนาดใหญ่ที่ยังอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ พระพักตร์มีลักษณะแบบพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยสกุลช่างกำแพงเพชร คือ พระนลาฏกว้าง และพระหนุเสี้ยม งดงามมาก

ปั่นต่อไปอีกนิดจะถึง วัดสิงห์

ถัดจากวัดพระสี่อิริยาบถไปทางทิศเหนือ 100 เมตร สันนิษฐานว่าใช้เวลาสร้างถึง 2 สมัยคือ สมัยสุโขทัยและอยุธยา ผังรวมของวัดแบ่งเขตพุทธาวาสให้อยู่ในกลุ่มกลางล้อมรอบด้วยเขตสังฆาวาสหรือกุฏิสงฆ์ 

โดยมีเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมมีมุขยื่น 4 ทิศเป็นประธาน ส่วนบนของเจดีย์ปรักหักพังไปหมดแล้ว สันนิษฐานว่าเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ 

ด้านหน้าเป็นอุโบสถขนาดใหญ่ยกฐานสูง บนฐานประทักษิณประดิษฐานใบสีมาไว้ทั้งแปดทิศ ตรงบันไดทางขึ้นอุโบสถพบชิ้นส่วนของสิงห์ประดับอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นที่มาของชื่อวัด

บรรยากาศ สงบ น่าหลงใหลจริงๆ

ที่สุดท้ายของวันนี้คือ วัดช้างรอบ

เป็นวัดที่สร้างอยู่บนเนินเขาขนาดย่อม มีเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ซึ่งยอดหักพังไปหมดแล้ว เหลือเพียงส่วนฐาน

รอบๆ ฐานเจดีย์ประดับด้วยช้างทรงเครื่องครึ่งตัว จำนวน 68 เชือก ระหว่างช้างแต่ละเชือกมีภาพปูนปั้นลวดลายพันธุ์พฤกษาในพระพุทธศาสนา เช่น ต้นโพธิ์ ต้นสาละ เป็นต้น

เหนือขึ้นไปเป็นลานประทักษิณ มีบันไดทางขึ้นอยู่ทั้งสี่ด้าน

จริงๆ ยังมีอีกหลายสถานที่ที่น่าสนใจ ยิ่งเราได้ปั่นไปเยือน ยิ่งทำให้เราจินตนาการถึงความรุ่งเรืองในอดีต ได้ถ่ายรูปสวยๆ บรรยากาศร่มรื่นตลอดทาง ลองมาเที่ยวกันดูนะ

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
ททท. สำนักงานสุโขทัย (ดูแล สุโขทัย กำแพงเพชร และ อุตรดิตถ์) โทร 055 616 228-9
อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร โทร 055 854 736-7

การเดินทาง ห่างจากตัวเมืองกำแพงเพชรประมาณ 5 กิโลเมตร ตามถนนสายกำแพงเพชร-พรานกระต่าย แล้วเลี้ยวซ้ายตรงกิโลเมตรที่ 360

Scroll to Top
Send this to a friend