อยู่แพ…อยู่อุทัย

อยู่แพ…อยู่อุทัย

มีกฎ กติกา มารยาทด้วยนะ อ่านตรงนี้กันก่อน

แผนที่

ตื่นมาอีกทีก็เช้าวันเสาร์ละ (พอดีมีประตูโดเรมอน) เราออกเดินทางกันดีกว่า 200 กว่าโลเท่านั้น หลับตาแป๊บเดียวก็ถึง พอเข้าตัวเมืองอุทัยก็ปักหมุดตามนี้เลยhttps://goo.gl/maps/NurEsb2Fewy ที่พักอยู่ใกล้วัดถ้าหาไม่เจอก็นอนวัดนะจ๊ะ (อ่ะล้อเล่น) ยังไงก็หาเจออยู่แล้วเพราะมีป้ายบอกชัดเจนและพี่กู(เกิ้ล) ไม่หลอกเรา พอถึงก็จอดรถไว้บนตลิ่งแล้วเดินลงไปเพราะที่พักเป็นแพซึ่งจะต้องอยู่ในน้ำ (ถูกมั้ย) 

ถึงแล้วแพของเรา (เป็นของเราในวันนี้) มีความน่ารักกิ๊บเก๋จนอยากจะนอนไปอีก 5 คืน

อยากบอกว่าถ้าไม่บอกจะไม่รู้เลยว่าเราเดินอยู่บนแพเพราะนิ่งมากไม่โคลงเคลงให้เวียนหัวเวียนหน้า

เดินออกไปหน้าแพกินบรรยากาศกันหน่อย

มองไปฝั่งตรงข้ามเป็นแพเพื่อนบ้านโบกมือทักทายไปมา เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะไปเยี่ยมเยียนนะ

ที่นี่นอกจากมานอนแพชิลล์แล้วยังมีเรือล่องแม่น้ำสะแกกรังสนใจจับจองก็บอกได้กับพี่ฐาหรือน้องที่ประจำแพเลย เรือเป็นเรือหางยาวมีหลังคา ชุมชนเขาร่วมกันจัดให้ นั่งได้ 6- 7 คนต่อลำ ใช้เวลาเที่ยว 45 นาทีพรุ่งนี้เรานัดเรือไว้ละตอนเจ็ดโมงเช้าแดดจะได้ไม่แรงมาก แล้วพอล่องเสร็จชั่วโมงกว่าๆ ก็จะกลับมากินข้าวเช้าได้พอดี (ดูดีมีวิสัยทัศน์ แต่จริงๆ คือกลัวตัวเองหิว)

คืนนี้นอนนี่นะ ท่ามกลางบรรยากาศสวยงามสงบเงียบของแม่น้ำสะแกกรังยามค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง ยังไงก็หลับฝันดี

วันที่ 2 

7 โมงเช้าวันนี้ เรานัดลุงคนขับเรือไว้จะไปล่องเรือเที่ยวแม่น้ำกัน ลุงมาตามเวลาเป๊ะ ก่อนเรือออกลุงคือ คนขับเรือ แต่พอเรือออกเท่านั้นล่ะ ลุงคือ all in one ตั้งกะขับเรือไปพร้อมๆ กับบรรยายที่เที่ยวและปล่อยมุกที่ขำมั่งไม่ขำมั่ง

ลุงพาเราล่องเรือผ่านบ้านเศรษฐีเมืองอุทัย บ้านสมเด็จพระเทพฯ หมู่เรือนแพริมน้ำ รีสอร์ทต่างๆ อะไรเป็นของใครมาแต่ไหน ลุงช่างสรรหามาเล่าได้ไม่จบสิ้นจนอยากจะมอบโล่ให้ลุง ขากลับก่อนถึง “อยู่แพ” ลุงแวะให้ขึ้นไปเที่ยววัดอุโปสถาราม หรือวัดโบสถ์

วัดโบสถ์ มีจุดถ่ายรูปที่ห้ามพลาดคือ ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังในวิหารที่มีมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น บาตรฝาประดับมุกที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 มณฑป 8 เหลี่ยม ลักษณะผสมตะวันตก และแพโบสถ์น้ำที่ตั้งอยู่หน้าวัดสร้างขึ้นเพื่อรับเสด็จรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2449

เราวนเวียนถ่ายรูปอยู่ในวัดร่วม 20 นาที นึกได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวเช้าก็พาลหมดแรงลงซะงั้นจึงเดินโดยพร้อมเพรียงมาขึ้นเรือโดยที่ลุงไม่ต้องไปตามให้เหนื่อย

จุดแวะพัก Rc สุดท้ายก่อนจบทัวร์เรือลุงยังแวะแพป้าเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามเยื้องกับแพพักของเราที่โบกมือทักทายกันเมื่อวานเพื่อให้เราชอปปิง ช่างเป็นการจัดทัวร์ที่มืออาชีพจริงๆ พาเที่ยวแล้วตบท้ายด้วยการพาชอปปิงให้ฟินได้อีก สิ่งของบนแพของคุณป้าที่ลุงพาไปชอปนั้น สอบถามได้ความว่านางล้วนทำเอง เช่น น้ำพริก ปลาย่าง ขิงดอง มะตูมแห้ง เยอะแยะจนเราสงสัยว่าแกเอาเวลาที่ไหนมาทำเนี่ย ป้าก็บอกว่านี่ก็ทำเลี้ยงคนป่วยที่นอนในแพน่ะล่ะ ฟังแล้ววิญญาณนางฟ้าก็มาทันที ซื้อสิ รออะไร ซื้อเสร็จก็กลับแพไปรับ breakfast กันซะที

Breakfast ที่นี่มีความเก๋ไม่เลิกไม่รา ชนะทุก ABF เพราะเป็นข้าวหมูกรอบ หมูแดง ข้าวมันไก่เจ้าอร่อยของเมืองอุทัยใส่ห่อใบตองมารอไว้ มีท้องเท่าไรก็ใส่เข้าไปไม่ต้องแย่งกันเพราะเค้าเตรียมไว้เกินจำนวนคนเข้าพักอยู่แล้ว แถมด้วยกาแฟโอวัลตินชงกันตามสบายใจชอบ 

อิ่มหนำสำราญแล้วก็ถึงเวลาต้องจากจร แม้ว่าอยากจะนอนต่ออีกซักคืนด้วยบรรยากาศแสนสบาย แต่ด้วยมนุษย์เงินเดือน (น้อย) อย่างเราก็ควรจะกลับมาเพื่อทำงานที่เรารักต่อ (เหรอ) แล้ววันไหนอยากชาร์จแบตให้ตัวเองอีกก็ค่อยแพ็คกระเป๋าเดินทางกันอีกทีเนอะ

Scroll to Top
Send this to a friend