เพื่อนร่วมทาง

 เส้นทางเบญจภาคีไหว้พระ 5 วัด

ใครกำลังหาที่ทำบุญไหว้พระ บัดดี้จะพาไปไหว้พระใกล้กรุง 5 องค์ 5 จังหวัด หรือที่เรียกกันว่า “เส้นทางเบญจภาคีวารีปาฏิหารย์” เชื่อกันว่า พระพุทธรูปทั้ง 5 องค์ เป็นพี่น้องกัน จากตำนานหลากหลายเรื่องราวที่เล่าต่อ ๆ กันมา แต่ไม่ว่าจะตำนานไหน ปัจจุบันเส้นทางนี้ก็เป็นที่นิยมที่ผู้ศรัทธาเดินทางมากราบไหว้ แม้มีโอกาสได้กราบไหว้บูชาเพียงครั้งหนึ่ง ย่อมถือว่าเป็นการสร้างบุญมงคล บารมี อันจะนำความสุขความเจริญครั้งยิ่งใหญ่มาสู่ชีวิต บัดดี้ขอแนะนำทริป 2 วัน 1 คืน ในการตามรอยเส้นทางนี้ ได้ไหว้พระมากกว่า 5 วัดอีกนะ ได้กินอาหารอร่อย ๆ ตามบัดดี้มาเลย วันที่ 1 กรุงเทพฯ-เพชรบุรี-สมุทรสงคราม-นครปฐม เดินทางไปจังหวัดเพชรบุรี รับประทานอาหารเช้าตามเส้นทางสมุทรสงคราม-เพชรบุรี ไหว้พระหลวงพ่อทอง วัดเขาตะเครา อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง ปางมารวิชัย สุนทรภู่ได้กล่าวไว้ในนิราศเมืองเพชรมีใจความว่า ไปครู่หนึ่งถึงเขาตะคริวสวาท มีอาวาสวัดวามหาเถรมะพร้าวรอบขอบเขตที่บริเวณ พอจวนเพลพักร้อนผ่อนสำราญกับหนูพัดจัดธูปเทียนดอกไม้ ขึ้นไปไหว้พระสำฤทธิ์พิษฐานเขานับถือลือมาแต่บุราณ ใครบนบานพระก็รับช่วยดับร้อนฯ มีความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องโชคลาภ ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ผู้ที่สมัครเรียน สมัครงาน ฯลฯ จากนั้น เดินทางไปไหว้พระหลวงพ่อบ้านแหลม วัดเพชรสมุทรวรวิหาร (วัดบ้านแหลม) ตำบลแม่กลอง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวสมุทรสงคราม หล่อด้วยทองเหลือง แสดงอิริยาบถประทับยืน ปางอุ้มบาตร ส่วนใหญ่ขอพรในเรื่องความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน แคล้วคลาด ปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง แล้วไปเดินเล่นตลาดร่มหุบ แวะรับประทานอาหารกลางวันบริเวณริมทางรถไฟสถานีแม่กลองได้ รถไฟจะเข้าสถานีเวลา 8.30 น. 11.10 น. 14.30 น. 17.40 น. ออกจากสถานีเวลา 06.20 น. 9.00 น. 11.30 น. 15.30 น. จากนั้น เดินทางไปไหว้พระปฐมเจดีย์และเดินเล่นตลาดโต้รุ่งองค์พระปฐมเจดีย์ รับประทานอาหารเย็นในตลาดโต้รุ่ง หรือร้านใกล้เคียง นอนที่จังหวัดนครปฐม 1 คืน มีที่พักให้เลือกหลายรูปแบบ วันที่ 2 นครปฐม-ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ-กรุงเทพฯ รับประทานอาหารเช้าที่จังหวัดนครปฐม แล้วเดินทางไปไหว้พระหลวงพ่อวัดไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม หลวงพ่อจะช่วยทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข ดับความร้อนคลายความทุกข์ให้หมดไป เดินทางต่อไปยังจังหวัดฉะเชิงเทรา รับประทานอาหารกลางวัน แล้วเดินทางไปวัดหลวงพ่อโสธรวรารามวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ขอพรเรื่องการมีบุตร โชคลาภ ธุรกิจ การรักษาพยาบาลและอื่น ๆ ปิดท้ายด้วยไหว้หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ขอพรเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ เพราะเชื่อว่าท่านสามารถขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บให้หายในเร็ววัน และสามารถคุ้มครองให้ผู้ไปกราบไหว้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตราย ชมวิวที่หอชมเมืองสมุทรปราการได้ถึง 17.00 น. รับประทานอาหารเย็น บรรยากาศดีดี แถวปากน้ำ-บางปู และเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

 เส้นทางเบญจภาคีไหว้พระ 5 วัด อ่านเพิ่มเติม

เส้นทาง ระนอง 3 วัน 2 คืน

วันนี้บัดดี้ขอแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดระนองแบบ 3 วัน 2 คืน เที่ยวแบบครบรส ทั้งไหว้พระ ชมประวัติศาสตร์ กินอาหารถิ่น สัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติ นอนแช่น้ำแร่ ดำน้ำดูปะการัง จิบกาแฟชิล ๆ ไปชมกันเลยว่าไปที่ไหนบ้าง Day 1 วัดบ้านหงาว ภูเขาหญ้า ร้านอาหารคุ้นลิ้น Day 2 พระราชวังรัตนรังสรรค์ ค่ายเจ้าเมืองระนอง บ้านร้อยปีเทียนสือ J&T Restaurant น้ำตกปุญญบาล จุดชมวิวเขาคอม้า อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี ธาริน ฮอทสปริง ร้านตินคาเฟ่ Day 3 อุทยานแห่งชาติแหลมสน เกาะค้างคาว เกาะกำตก (อ่าวเขาควาย) เกาะญี่ปุ่น ร้านข้าวหอมระนอง

เส้นทาง ระนอง 3 วัน 2 คืน อ่านเพิ่มเติม

วัดคูหาสวรรค์ … วัดงามคู่เมืองพัทลุง

วัดคูหาสวรรค์ พุทธศาสนสถานที่สำคัญของจังหวัดพัทลุง และเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของจังหวัด ตั้งอยู่เชิงเขาคูหาสวรรค์ (เขาหัวแตก) ซึ่งเป็นที่ราบสูงและมีภูเขาล้อมรอบเกือบทุกด้าน ชาวบ้านจึงเรียกว่า “วัดคูหาสูง” หรือ “วัดสูง” ภายในวัดมีบรรยากาศร่มรื่นและเงียบสงบ บริเวณเชิงเขาด้านหลังพระอุโบสถเป็นที่ตั้งของ “ถ้ำคูหาสวรรค์” ชาวบ้านในพื้นที่เรียกกันว่า “ถ้ำน้ำเงิน” หรือ “ถ้ำพระ” กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนถ้ำคูหาสวรรค์ให้เป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 ภายในถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น ประกอบด้วย พระพุทธไสยาสน์ มีความยาว 10 เมตร 1 องค์ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 4.5 เมตร มีความสูง 6 เมตร 1 องค์ และพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 0.5-1.5 เมตร จำนวน 35 องค์ รวมมีพระพุทธรูปทั้งหมด 37 องค์ นอกจากนี้ที่บริเวณปากถ้ำ มีจารึกพระปรมาภิไธยย่อของพระมหากษัตริย์ไทยที่เคยเสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้ 3 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) การเที่ยวชมภายในวัดและถ้ำ ควรแต่งกายสุภาพและสำรวม ถนนคูหาสวรรค์ ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุงพิกัด : https://maps.app.goo.gl/hUrCL11DBJpyRR6S8

วัดคูหาสวรรค์ … วัดงามคู่เมืองพัทลุง อ่านเพิ่มเติม

จุดชมวิวสะพานข้ามคลองละอุ่น (จุดชมวิว กม.30) ระนอง

จุดชมวิวสะพานข้ามคลองละอุ่น หรือที่หลายๆ คน เรียกอีกชื่อว่า “จุดชมวิว กม.30” เป็นจุดชมวิวบนสะพานคอนกรีตที่ผู้คนในพื้นที่ใช้สัญจรเพื่อข้ามคลองละอุ่นอยู่เป็นประจำ สะพานแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองระนองประมาณ 30 กิโลเมตร จึงเป็นที่มาของชื่อจุดชมวิว กม.30 นั่นเอง และนอกจากจะได้ชมวิวคลองละอุ่นแล้ว บริเวณโดยรอบยังมีชุมชนเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำจึงทำให้เราสามารถชื่นชมวิถีชีวิตที่เรียบง่ายได้อีกด้วย สำหรับใครที่ต้องการเดินทางมาชมวิวที่จุดชมวิว กม.30 แนะนำให้มาช่วงเช้าและเย็น เพราะอากาศไม่ร้อนถ่ายรูปออกมาแสงสวยมาก โดยเฉพาะตอนเย็นเราจะได้ชมพระอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้าด้วย และยิ่งถ้ามากับคนรู้ใจบอกเลยว่าบรรยากาศโรแมนติกมาก  ข้อควรระวัง ไม่แนะนำให้จอดรถหรือชะลอรถขณะอยู่บนสะพานเพื่อชมวิวทิวทัศน์ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ แนะนำให้จอดรถบริเวณจุดจอดรถช่วงก่อนขึ้นสะพานและหลังจากลงสะพาน บริเวณนั้นจะเป็นชุมชนและมีที่จอดรถได้สะดวก จากนั้นค่อยเดินขึ้นมาชมวิวบนสะพาน ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ช่วงกิโลเมตรที่ 569 ตำบลบางแก้ว อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง https://maps.app.goo.gl/e8tUoLEPwVw6PPyQ8

จุดชมวิวสะพานข้ามคลองละอุ่น (จุดชมวิว กม.30) ระนอง อ่านเพิ่มเติม

ห้วยตึงเฒ่า เชียงใหม่

บัดดี้จะมาแนะนำสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจอีกแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ที่มีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย และยังมีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปอีกเพียบ นั่นก็คือที่ อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า นั่นเอง อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า เดิมเป็นศูนย์เกษตรกรรมทหาร จังหวัดทหารบกเชียงใหม่ (จทบ.ช.ม.) เมื่อปี พ.ศ. 2523 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จเยี่ยมศูนย์ฯ และทราบถึงปัญหาของการขาดแคลนน้ำที่จะนำมาใช้ทางการเกษตร จึงมีพระราชดำริให้สร้างอ่างเก็บน้ำขึ้น โดยกำหนดชื่อว่า อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า นอกจากนี้ยังแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ของราษฎรในพื้นที่บริเวณเชิงดอยสุเทพ ให้มาอยู่รวมกันบริเวณด้านทิศใต้ของอ่างเก็บน้ำ และได้จัดตั้งโครงการจัดหมู่บ้านตัวอย่างห้วยตึงเฒ่า อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อพัฒนาส่งเสริมอาชีพและความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดียิ่งขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 กองทัพบกได้มีนโยบายให้ส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตทหาร จึงได้มีการพัฒนา ปรับปรุงพื้นที่ของอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทั้งคนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เองและนักท่องเที่ยวต่างเดินทางเข้าไปเที่ยวชม พักผ่อนกันอย่างไม่ขาดสาย กิจกรรมภายในอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า – ถ่ายรูปสวย ๆ กับเหล่าสัตว์นานาชนิดที่ทำมาจากฟาง เช่น คิงคอง สิงโต ช้าง กระทิง เป็นต้น – ถ่ายรูปสวย ๆ พร้อมให้อาหารแกะ – ปั่นจักรยานน้ำ พายเรือแคนนู และกิจกรรมอื่น ๆ – รับประทานอาหารบนแพ ริมอ่างเก็บน้ำ อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า 283 หมู่ 3 ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เปิดทุกวัน เวลา 06.30-18.00 น. ค่าเข้าพื้นที่ ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท 0 5312 1119 https://maps.app.goo.gl/Bjr6fG2rbJD4yNWp8

ห้วยตึงเฒ่า เชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

ตลาดเช้าบ้านญวน สามเสน

วันนี้บัดดี้จะมาแนะนำตลาดเช้า วันเสาร์-อาทิตย์ ที่ตั้งอยู่ในชุมชนชาวเวียดนามเก่าแก่ที่อพยพมาอยู่สยามกว่า 200 ปีแล้ว บรรยากาศและอาหารจะเป็นยังไง ตามมาดูกันได้เลย ตลาดเช้าบ้านญวน เป็นตลาดของชุมชนชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม ตั้งอยู่ในซอยสามเสน 13 ที่จะคึกคักมากในช่วงเช้าของวันหยุดสุดสัปดาห์ ท่ามกลางตึกเก่าทรงเสน่ห์และอาหารเวียดนามขนานแท้ บัดดี้มาในวันอาทิตย์ ประมาณ 07.30 น. บรรยากาศครึกครื้น ผู้คนบ้างก็ออกมาจับจ่ายหาของกินตอนเช้า บ้างก็ไปรวมตัวกันที่โบสถ์นักบุญฟรังซีสเซเวียร์ตามวิถีชาวโรมันคาทอลิก ซึ่งอันที่จริงพ่อค้าแม่ขายเขาจะขายของกันตั้งแต่ 06.00 น. แล้วล่ะ ตลาดเช้านี้จะวายตอน 09.00 น. นะ ใครอยากมาต้องดูเวลากันดี ๆ ด้วย ปากหม้อญวน คงเป็นอาหารญวนจานโปรดของใครหลายคน ในบริเวณตลาดมีขายอยู่ 2-3 ร้าน บัดดี้เลือกอุดหนุนร้านเล็ก ๆ ของคุณป้าหน้าโรงเรียนโยนออฟอาร์ค คุณป้าบอกขายมา 45 ปีแล้วตั้งแต่ยังสาว แป้งนุ่ม ไส้เยอะ กลมกล่อมมาก ใกล้ ๆ กันจะมีร้านโชห่วยรถเข็น ที่ขายเครื่องปรุง อาหารแปรรูปและวัตถุดิบทำอาหารที่หลากหลาย เช่น หมูยอ กุนเชียง แผ่นปอเปี๊ยะ แหนมเนือง เส้นก๋วยจั๊บ ก๋วยจั๊บญวณกึ่งสำเร็จรูป กาแฟ ซอสพริก เครื่องปรุงต่าง ๆ มีทั้งที่นำเข้ามาจากเวียดนามและรับมาจากภาคอีสาน แอบกระซิบว่าหมูยอร้านนี้อร่อยมาก มีทั้งแบบธรรมดา ใส่หนังหมู แบบใส่พริกและแบบที่ใส่ผักชีลาวซึ่งบัดดี้ชอบแบบนี้เป็นพิเศษ ข้าง ๆ มีร้านหมูทอด “เมตตา” บัดดี้ซื้อกลับมากินเพราะทนกลิ่นหอมไม่ไหว เอากลับมาอุ่นกินที่บ้านก็ยังอร่อยทุกอย่าง ทั้งหมูทอด เนื้อทอด ตับทอด แม่ฝ้ายอาหารเวียดนามนครพนม เป็นร้านถัดมาที่บัดดี้แวะ ร้านนี้เป็นร้านรถเข็นที่ขายอาหารเวียดนามทำเอง มีหลากหลายเมนูราคาเริ่มที่ 30 บาท บัดดี้เหลือบไปเห็นหม้อต้มที่มีไส้กรอกสีคล้ำ ๆ อยู่ในหม้อ ป้าเลยบอกว่านี่คือ “โย่ย” เป็นไส้กรอกเลือดเวียดนาม ข้างในมีส่วนผสมของเลือดหมู แล้วนำมาต้มกับสมุนไพร บัดดี้สั่งมา 1 ชิ้น พอได้กินแอบนึกเสียดายที่สั่งมาแค่ชิ้นเดียว เพราะรสชาติอร่อย หอมสมุนไพรอย่างผักแพว ตะไคร้ รสชาติเค็มนิด ๆ มัน ๆ นวล ๆ นุ้มลิ้น เหมือนกินตับอร่อย ๆ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดและกินกับผักแนมคือ The Best มาก ข้าวต้มมัดใต้ เป็นอีกเมนูที่บัดดี้สั่งมาลอง เป็นข้าวต้มมัดแน่น ๆ ไส้ถั่วเขียวบด มีกลิ่นพริกไทยอ่อน ๆ และเนื้อหมู ท้ายซอย เป็นที่ตั้งของร้านปลากริมปลาป้าสายใจ ที่มีลักษณะคล้ายก๋วยจั๊บอุบลแต่ใส่เนื้อปลาแทน ทางร้านจะใช้ปลาช่อนเนื้อเด้งหวาน มาเป็นส่วนประกอบหลักของจานนี้ น้ำซุปรสกลมกล่อม เส้นนุ่มเหนียว หอม คล่องคอ ไม่ต้องปรุงเพิ่มก็ซดได้หมดถ้วย แต่หากใครไม่กินปลา ทางร้านก็มีเกาเหลาน้ำใสรสชาติกลมกล่อม เครื่องแน่น ๆ ทั้งกระดูกอ่อน หมูก้อนและหมูยอ ร้านสุดท้าย เป็นอีกหนึ่งร้านเจ้าดังของที่นี่ นั่นก็คือ ร้านป้าเก๋แหนมเนือง เปิดขายมาแล้วกว่า 70 ปี เป็นร้านเล็ก ๆ ที่มีเพียง 4 โต๊ะ บรรยากาศเป็นกันเอง สงสัยหรืออยากรู้อะไรเกี่ยวกับอาหารเวียดนาม ก็ถามได้เลย เมนูแรกที่บัดดี้สั่งมาคือชุดแหนมเนือง ที่คุณลุงเจ้าของร้านจะมาแนะนำวิธีห่อแหนมเนืองให้พอดีคำและแป้งไม่ขาดแบบง่าย ๆ ให้ด้วย รสชาติอร่อย ผักสด น้ำจิ้มดี อีกเมนูที่บัดดี้สั่งมาลองคือ หมี่กะทิเวียดนาม เส้นเหนียวนุ่มมาก เคี้ยวเพลิน น้ำราดรสชาติคล้ายขนมจีนน้ำพริกที่มีความเผ็ดนิด ๆ และหอมพริกแทรกขึ้นมา อร่อยมาก ๆ ใครอยากมาตามรอยร้านอร่อยแบบบัดดี้ ตรงมากันได้เลยที่ ตลาดเช้าบ้านญวน สามเสน 13 ซอยสามเสน 13 (ซอยพระอรรถ) ถนนสามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 06.00-09.00 น.https://maps.app.goo.gl/dB8CvvfPB1mZD37G8

ตลาดเช้าบ้านญวน สามเสน อ่านเพิ่มเติม

15 สิ่งต้องห้ามพลาด…ปัตตานี

“เมืองงามสามวัฒนธรรม ศูนย์ฮาลาลเลิศล้ำ ชนน้อมนำศรัทธา ถิ่นธรรมชาติงามตา ปัตตานีสันติสุขแดนใต้” ในอดีตปัตตานีเคยเป็นอาณาจักรที่เก่าแก่และเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก เคยเป็นที่แวะจอดเรือเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างพ่อค้าชาวอินเดียกับชาวจีนมาก่อน แต่เดิมชาวเมืองปัตตานีนับถือศาสนาพุทธและพราหมณ์ และตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม เมืองชายแดนใต้แห่งนี้นับว่ามีเสน่ห์น่าสนใจ ทั้งวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่ ภาษา และอาหาร จึงได้ชื่อว่าเป็นเมืองพหุวัฒนธรรม อีกทั้งยังมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์หลงเหลือให้ได้ศึกษาเรียนรู้ รวมถึงความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ โดยมีพื้นที่เป็นป่าเขาและพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลเป็นระยะทางยาวกว่า 170 กิโลเมตร จึงมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ตามมาทำความรู้จัก 15 จุดเช็กอิน ที่ต้องห้ามพลาดของจังหวัดนี้กันในรีวิวค่ะ 1. มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี สร้างในปี พ.ศ. 2497 เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการประกอบศาสนกิจของชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ จากทางเข้าด้านหน้าเป็นทางเดินทอดยาวสู่อาคารมัสยิด สองข้างทางเดินมีการปลูกต้นปาล์มเพิ่มความร่มรื่น ตรงกลางด้านหน้ามัสยิดมีสระน้ำพุขนาดใหญ่ช่วยเสริมภูมิทัศน์ภายนอกของมัสยิดให้งดงามยิ่งขึ้น อาคารมัสยิดมีรูปทรงคล้ายกับทัชมาฮาลของประเทศอินเดีย ตรงกลางอาคารมียอดโดมขนาดใหญ่และมีโดมบริวารล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน ถัดออกไปด้านข้างอาคารมีหออะซานอยู่ทั้งสองข้าง (หออะซาน คือ หอคอยที่ใช้สำหรับแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาละหมาด) ภายในมัสยิดสร้างเป็นห้องโถง มีระเบียงสองข้าง ด้านในห้องโถงมีมิมบัรทรงสูงและแคบตั้งอยู่ (มิมบัร คือ สถานที่สูงในมัสยิดลักษณะเป็นบันไดหลาย ๆ ขั้นให้เดินขึ้นสู่บัลลังก์สำหรับให้ผู้นำอ่านพระคัมภีร์) มัสยิดแห่งนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นมัสยิดที่สวยงามที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย (การเที่ยวชมมัสยิด ควรสำรวมและแต่งกายสุภาพ) ถนนยะรัง ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานีhttps://goo.gl/maps/if5sZpkjQ7MVWReB9 2. ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว (ศาลเจ้าเล่งจูเกียง) ที่นี่เป็นศาลเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองปัตตานี มีต้นตระกูลคณานุรักษ์เป็นผู้สร้างและดูแล ลักษณะเป็นอาคารชั้นเดียวแบบจีน แบ่งเป็นโถงกลาง ปีกซ้ายและปีกขวา ภายในศาลเจ้าประดิษฐานรูปแกะสลักของ “เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว” จากกิ่งต้นมะม่วงหิมพานต์ และ “โจวซือกง” ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วย และเป็นองค์เทพประธานประจำศาลเจ้าแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีเทพเจ้าจีนอีกหลายองค์อยู่ภายในศาลด้วย ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี จะมีการจัดงานประเพณีแห่เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวไปตามถนนสายต่าง ๆ ภายในตัวเมืองปัตตานี มีพิธีลุยไฟบริเวณหน้าศาลเจ้า และว่ายน้ำข้ามแม่น้ำปัตตานีบริเวณสะพานเดชานุชิต ซึ่งในแต่ละปีจะมีผู้ที่เคารพศรัทธามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก เปิดทุกวัน เวลา 06.00-17.00 น. อยู่ถนนอาเนาะรู ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานีhttps://goo.gl/maps/oQQ8GH8mFhQeWYo87 3. มัสยิดกรือเซะ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ชุมชนกรือเซะเคยเป็นที่ตั้งของเมืองปัตตานี และเป็นเมืองท่าที่สำคัญในการค้าขาย สำหรับมัสยิดกรือเซะ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเช่นกัน มีอายุเก่าแก่มากกว่า 200 ปี กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2478 และมีการบูรณะซ่อมแซมอยู่เรื่อยมา เพื่อให้มัสยิดกรือเซะคงสภาพเป็นโบราณสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองปัตตานี ลักษณะอาคารมัสยิดสร้างด้วยอิฐ เสาทรงกลม ประตูรูปโค้งแหลม ก่ออิฐถือปูนแบบศิลปะทางตะวันออกกลาง ผู้ออกแบบสร้างมัสยิด คือ ซัยคซอฟียุดดีน อัลอิสมอิมาส อูละมะอะ แห่งปอเนาะ มัสยิดกรือเซะยังคงเปิดใช้งานในการปฏิบัติศาสนกิจจนถึงปัจจุบัน (การเที่ยวชมมัสยิด ควรสำรวมและแต่งกายสุภาพ) ริมทางหลวงหมายเลข 42 (ถนนสายปัตตานี-นราธิวาส) บ้านกรือเซะ ตำบลตันหยงลูโละ อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตรhttps://maps.app.goo.gl/KigzHfJT26ECBFJKA 4. ชุมชนท่องเที่ยวบางปู ชุมชนท่องเที่ยวเชิงนิเวศ พื้นที่ส่วนใหญ่ของชุมชนเป็นป่าชายเลนบริเวณปากอ่าวปัตตานี และมีลำคลองที่ไหลออกสู่อ่าวปัตตานี ได้แก่ คลองกอและ คลองกือเงาะ และคลองบางปู เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด เช่น โกงกาง แสมดำ ลำภูทะเล และโพธิ์ทะเล เป็นต้น กิจกรรมท่องเที่ยวของชุมชน ได้แก่ การล่องเรือชมป่าชายเลนและป่าโกงกาง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี บางช่วงของเส้นทางล่องเรือจะพบต้นโกงกางจากสองฝั่งคลองทอดตัวโค้งเข้าหากันเป็นอุโมงค์โกงกาง มีความยาวประมาณ 700 เมตร ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และยังมีนกน้ำนานาชนิดให้ได้พบเจอตลอดเส้นทาง รวมทั้งทัศนียภาพที่สวยงามของอ่าวปัตตานี สอบถามข้อมูล โทร. 08 1805 8761, 08 6491 2556 การเดินทาง : จากตัวเมืองปัตตานี ใช้ทางหลวงหมายเลข 42 (ปัตตานี-นราธิวาส) ประมาณ 8 กิโลเมตร และเลี้ยวเข้าซอยทางซ้ายมือก่อนถึงโรงเรียนบ้านบือเจาะ ตรงไปจนพบทางแยก ให้เลี้ยวขวาและตรงไปจนถึงโรงเรียนบ้านบางปู จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าซอยแรกถัดจากหน้าโรงเรียน ตรงไปจนสุดทางจะพบท่าเรือของชุมชนท่องเที่ยวบางปู ระยะทางรวมจากตัวเมืองปัตตานีประมาณ 11 กิโลเมตร ตำบลบางปู อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานีhttps://goo.gl/maps/s1HNFrxkDsRwwFEm6 5. แหลมตาชีและหาดตะโละกาโปร์ “แหลมตาซี” ลักษณะเป็นชายหาดที่มีปลายแหลมโค้งคล้ายรูปตัว C เกิดจากการก่อตัวของสันทรายที่ยื่นออกไปในทะเลในลักษณะสันดอนจะงอย โดยปลายแหลมจะงอกเพิ่มขึ้นทุกปี เป็นแหลมกั้นอ่าวปัตตานี (ทะเลใน) และอ่าวไทย (ทะเลนอก) บริเวณด้านในของแหลมฝั่งที่หันหน้าเข้าหาแผ่นดินใหญ่ เป็นที่ตั้งของชุมชนมากมาย เช่น บ้านดาโต๊ะ บ้านตะโละสะมิแล บ้านบูดี ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงเป็นหลัก และมีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น ปลากะพง หอยแครง หอยแมลงภู่ เป็นต้น และบริเวณด้านนอกของแหลมฝั่งที่หันหน้าออกทะเลกว้าง มีที่พักเอกชนให้บริการหลายแห่ง ปลายสุดของแหลมตาซีสามารถชมทัศนียภาพของพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกได้ในจุดเดียวกัน “หาดตะโละกาโปร์” อยู่ทางใต้ของแหลมตาซี ลักษณะชายหาดทอดยาว มีต้นสนทะเลและต้นมะพร้าวขึ้นขนานไปตามแนวชายหาดและถนน มีเรือกอและของชาวบ้านในพื้นที่จอดเรียงราย ทั้งยังมีที่พักและร้านอาหารตั้งกระจายอยู่ตลอดแนวหาด เหมาะแก่การเดินเล่น ปั่นจักรยาน พักผ่อนชมธรรมชาติ การเดินทางไปแหลมตาชีไปได้ 2 ทาง คือ ทางน้ำ : นั่งเรือจากปากแม่น้ำปัตตานีตรงไปยังแหลมตาชี หรือใช้บริการเรือจากชุมชนท่องเที่ยวต่าง ๆ ในอ่าวปัตตานี เช่น ชุมชนท่องเที่ยวบางปู ชุมชนท่องเที่ยวบูนาดารา ไปยังแหลมตาชี ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ทางบก : จากตัวเมืองปัตตานี ใช้ทางหลวงหมายเลข 42 (ปัตตานี-นราธิวาส) ประมาณ 12 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงชนบท ปน.2062

15 สิ่งต้องห้ามพลาด…ปัตตานี อ่านเพิ่มเติม

รวมข้อมูลงานสงกรานต์ 5 ภาค

ประชาสัมพันธ์ข้อมูลงานสงกรานต์ 5 ภาค สงกรานต์นี้ ใครมีแพลนไปเที่ยวที่ไหนหรือยัง? วันนี้บัดดี้มีข้อมูล “งานเทศกาลสงกรานต์ 2567” จาก 5 ภาคมานำเสนอ ใครอยากไปงานไหน เตรียมตัววางแผนเก็บกระเป๋าออกไปเล่นน้ำท้าแดดในเทศกาลปีใหม่ของไทยกันได้เลย ส่วนเพื่อน ๆ ที่ยังรอข้อมูลเพิ่มเติม ติดตามกันเลย บัดดี้จะนำข้อมูลมาอัปเดตอีกเรื่อย ๆ

รวมข้อมูลงานสงกรานต์ 5 ภาค อ่านเพิ่มเติม

อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี ระนอง

One Day Trip “อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี” จังหวัดระนอง อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี มีอาณาเขตครอบคลุมตลอดแนวแม่น้ำกระบุรี ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างไทยและเมียนมา รวมทั้งผืนป่าชายเลนและป่าดิบชื้น โดยมีพื้นที่อุทยานฯ ทั้งสิ้นประมาณ 160 ตารางกิโลเมตร แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในพื้นที่อุทยานฯ ได้แก่1. บ่อน้ำแร่ร้อนหาดยาย บ่อน้ำแร่ร้อนหาดยาย เป็นน้ำแร่ร้อนที่ผุดขึ้นมาจากผิวดินตามธรรมชาติ เกิดจากภายใต้ชั้นหินที่มีรอยแตกของเปลือกโลก เมื่อเจอพลังงานความร้อนและแรงดัน ทำให้ในชั้นหินมีน้ำซึมผ่านขึ้นมา อุณหภูมิน้ำที่ผุดขึ้นมาเฉลี่ยประมาณ 49 องศาเซลเซียส ที่นี่มีการสร้างบ่อสำหรับแช่ตัวและแช่เท้าแบบบ่อรวม เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวจำนวน 2 บ่อ นอกจากนี้ยังมีบ่อแช่ส่วนตัวอีก 4 ห้อง โดยมีการเดินท่อนำน้ำแร่จากแหล่งกำเนิดมาผสมกับน้ำอุณหภูมิปกติ ก่อนปล่อยน้ำเข้าสู่บ่อแช่ที่ให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งจะมีอุณหภูมิน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 38-43 องศาเซลเซียล เป็นอุณหภูมิที่เหมาะกับการแช่ตัวและเท้าเพื่อบำบัดรักษาโรคและผ่อนคลาย อัตราค่าบริการบ่อน้ำแร่ร้อน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ราคาเดียวกัน คือ  ที่ตั้ง : หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กบ.1 อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี หมู่ที่ 2 ตำบลบางพระเหนือ อำเภอละอุ่น จังหวัดระนองพิกัด : https://maps.app.goo.gl/ij9wr3j4Fx9FAMUE7 2. น้ำตกปุญญบาล ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองระนอง 14 กิโลเมตร สามารถมองเห็นน้ำตกได้จากถนนเพชรเกษม มีน้ำตลอดทั้งปี ต้นน้ำเกิดจากลำห้วยที่ไหลมาจากป่าสงวนแห่งชาติป่าละอุ่น ป่าราชกรูด เกิดเป็นน้ำตกที่สวยงาม น้ำตกปุญญาบาลมีทั้งหมด 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 ปุญญบาล ชั้นที่ 2 โตนต้นเฟิร์น ชั้นที่ 3 โตนไม้ไผ่ ปลายทางน้ำตกไหลลงสู่คลองเสร็จตะกวด บริเวณโดยรอบน้ำตกเป็นป่าดิบชื้นที่มีความเขียวชอุ่มตลอดทั้งปี มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 300 เมตร เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินศึกษาแหล่งต้นน้ำและระบบนิเวศป่าดิบชื้น พื้นที่บริเวณด้านล่างของน้ำตกมีลานหินโล่ง เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนและถ่ายภาพ ด้านหน้าทางเข้าน้ำตกมีลานจอดรถ ร้านกาแฟ และห้องน้ำให้บริการ ปัจจุบันฝั่งตรงกันข้ามมีสะพานให้เดินทอดยาวมายังฝั่งน้ำตกได้ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปเช็กอินกันอีกจุด ที่ตั้ง : ริมทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ระหว่างกิโลเมตรที่ 597-598 ฝั่งขาเข้าตัวเมืองระนอง อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนองพิกัด : https://maps.app.goo.gl/QtRGX9NsGdn7J2a3A 3. เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนลำน้ำกระบุรี เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนลำน้ำกระบุรี ได้รับการพัฒนาปรับปรุงขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อให้เป็นที่ศึกษาเรียนรู้ธรรมชาติและพักผ่อนหย่อนใจ ลักษณะทางเดินเป็นสะพานไม้ยกระดับเหนือพื้นดิน มีระยะทาง 900 เมตร ตลอดเส้นทางจะมีป้ายสื่อความหมายบอกชื่อพันธุ์ไม้และสัตว์ต่าง ๆ ที่สามารถพบได้ในพื้นที่ เช่น ลิงแสม ปลาตีน ปูก้ามดาบ เป็นต้น ที่ตั้ง : ตรงข้ามกับที่ทำการอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนองพิกัด : https://maps.app.goo.gl/qByLwSmfFTJTQJ1m6 4. จุดชมวิวเขาคอม้า ตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวให้ขับรถตรงขึ้นเขาไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร ถึงจุดชมวิวเขาคอม้า บริเวณจุดชมวิวสามารถชมทัศนียภาพอันกว้างไกลของแม่น้ำกระบุรี ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นเขตแดนระหว่างไทยและเมียนมา รวมทั้งเกาะต่าง ๆ กลางแม่น้ำ เช่น เกาะขวาง เกาะยาว เกาะปลิง เกาะโชน เกาะเสียด และเกาะนกเปล้า ตลอดจนทิวทัศน์ของป่าชายเลนที่ได้ชื่อว่ามีความสมบูรณ์มากอีกแห่งของประเทศไทย ทั้งยังเป็นจุดที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าที่สวยงามอีกแห่ง บริเวณนี้สามารถกางเต็นท์พักแรมได้ ที่ตั้ง : ที่ทำการอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนองพิกัด : https://maps.app.goo.gl/gcsDKiNL2QF6EicH9 อัตราค่าบริการเข้าอุทยานฯ บัตรค่าบริการเข้าอุทยานฯ สามารถเก็บไว้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าท่องเที่ยวตามจุดต่าง ๆ ในเขตอุทยานฯ เดียวกันได้ ภายใน 24 ชั่วโมง การเดินทาง : ห่างจากตัวเมืองระนองประมาณ 17 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ระนอง-ชุมพร) จนถึงหลักกิโลเมตรที่ 595 จะพบสี่แยกตำบลทรายแดง ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงชนบท รน.4010 ตรงไป 2 กิโลเมตร จะพบที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ริมถนนทางซ้ายมือ สอบถามข้อมูล โทร. 0 7798 9817

อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี ระนอง อ่านเพิ่มเติม

 ตะลุยสวนส้ม แม่ริม จ.เชียงใหม่

วันนี้นอกจากบัดดี้จะพาไปเที่ยวสัมผัสอากาศเย็นสบาย ชมทิวเขาที่สวยงามแล้ว บัดดี้อยากแนะนำให้ไปเที่ยว “สวนส้มในจังหวัดเชียงใหม่” ด้วยนะ นอกจากจะได้ชิมส้มสด ๆ จากสวนแล้ว หลาย ๆ ที่ยังจัดมุมสวย ๆ ให้เราได้โพสท่าถ่ายรูปกันแบบจุก ๆ เอามาลงโซเชียลอวดเพื่อน ๆ กันได้แบบรัว ๆ เลย แล้วก็ยังสามารถซื้อส้มติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วยนะ บัดดี้มีมาแนะนำ 4 สวน ได้แก่ 1. สวนส้มในฝัน ดอยม่อนแจ่ม สวนส้มในฝัน ดอยม่อนแจ่ม: https://www.facebook.com/profile.php?id=100068079919559 เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-18.00 น. ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท https://maps.app.goo.gl/Nv4AaYSQxvNpy6wg9 2. สวนส้มเปาเปา โฮมสเตย์ เชียงใหม่ สวนส้มเปาเปา โฮมสเตย์ เชียงใหม่: https://www.facebook.com/paopao.farm  เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-18.00 น. ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็กอายุ 5-10 ปี 50 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบเข้าฟรี https://goo.gl/maps/h4jkLrFXWxdKKphH7 3. สวนของฉัน My garden – ม่อนแจ่ม สวนของฉัน My garden – ม่อนแจ่ม: https://www.facebook.com/MygardenMonjam  เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-18.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 70 บาท เด็ก 40 บาท https://maps.app.goo.gl/tXg4MQnpj7tkpATe8 4. สวนดอกไม้ ป้างฮวา&สวนส้ม สวนดอกไม้ ป้างฮวา&สวนส้ม: https://www.facebook.com/profile.php?id=100065421252761 เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-18.00 น. ผู้ใหญ่ 70 บาท เด็ก 40 บาท https://goo.gl/maps/GQbs5AnWikypkesz6

 ตะลุยสวนส้ม แม่ริม จ.เชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top