อาหารท้องถิ่น

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางชลบุรี – เกาะสีชัง

ช่วงหยุดวันแม่ปีนี้พาคุณแม่ไปย้อนวัยหวานกันสัก 2 วัน 1 คืน กับทริปที่ไม่ไกลกรุงเทพฯ หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ เกาะสีชัง แหล่งท่องเที่ยวสุดโรแมนติกที่ฮิตมาตั้งแต่สมัยแม่เรายังสาวๆ มีความวินเทจและคลาสสิกเบาๆ รับรองว่าพาไปเที่ยวเกาะสีชังคราวนี้ตอบโจทย์แน่นอน  วันแรก กรุงเทพฯ – เกาะสีชัง การเดินทางบนเกาะส่วนใหญ่จะใช้รถสามล้อเครื่องหรือที่เรียกว่าสกายแล็บ เปิดมิติใหม่พาคุณแม่ซิ่งกันได้อย่างสนุกสนาน และเตรียมเป็นตากล้องถ่ายรูปภาพให้คุณแม่กันรัวๆ เลย แต่ก็ต้องระมัดระวังกันด้วยนะคะ เพราะเส้นทางบนเกาะมีลักษณะเป็นเนินเขาคดเคี้ยว – ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ก่อนอื่นไปสักการะเจ้าพ่อเขาใหญ่กันก่อน ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมจีน ตั้งอยู่บนเชิงเขาสูงทางทิศเหนือของเกาะสีชัง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือมานาน เรามารู้จักตำนานกันสักหน่อย ในยุคสมัยที่ยังใช้เรือสำเภาเพื่อติดต่อค้าขาย เกาะสีชังถือเป็นทำเลที่เหมาะสมต่อการจอดเรือ โดยเฉพาะพ่อค้าชาวจีนนิยมมาจอดพักเรือที่นี่เป็นประจำ ในช่วงค่ำจะมีคนเห็นแสงวูบวาบบนหัวเกาะ จึงมีคนไปสำรวจและพบว่าบนนั้นเป็นถ้ำ ภายในมีหินรูปร่างคล้ายคนนั่งตั้งตระหง่านอยู่ จึงเรียกขานกันต่อมาว่า “เจ้าพ่อเขาใหญ่” มีความเชื่อว่าหากผู้ใดมากราบไหว้ติดต่อกัน 3 ปีจะทำให้เกิดโชคลาภและกิจการค้าขายร่ำรวย – พระจุฑาธุชราชฐาน เป็นพระราชวังบนเกาะแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย อดีตเคยเป็นพระราชวังฤดูร้อนในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่หลังจากวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 ทำให้การก่อสร้างพระที่นั่งและตำหนักต่างๆ ยุติลง ที่นี่จึงสิ้นสุดการเป็นเขตพระราชฐานนับแต่นั้น ภายในบริเวณมีสภาพภูมิทัศน์ที่งดงาม และยังคงมีสิ่งก่อสร้างที่น่าชมได้แก่ เรือนผ่องศรี เรือนวัฒนา และเรือนอภิรมย์ ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระจุฑาธุชราชฐาน ด้านหน้าเป็นชายหาดท่าวัง  – เรือนไม้ริมทะเล เรือนไม้สีเขียวเข้ม ได้ความรู้สึกวินเทจ ลักษณะเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทาสีเขียว ปัจจุบันได้รับการบูรณะให้เป็นร้านกาแฟและจัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจในเกาะสีชัง – อุโบสถวัดอัษฎางคนิมิตร เป็นอุโบสถยอดเจดีย์สีขาวสวยงาม ผสมผสานศิลปะไทยและศิลปะตะวันตกแบบโกธิค ด้านหน้าอุโบสถมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่นำหน่อมาจากพุทธคยา – สะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานท่าเรือขนาดใหญ่ สร้างด้วยไม้สักทาสีขาวทอดยาวลงไปในทะเล รัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่สมเด็จฯ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ พระราชโอรสทรงหายจากพระอาการประชวร และเพื่อใช้เป็นท่าเทียบเรือขึ้นเกาะสีชัง ชวนคุณแม่แต่งตัวสไตล์วนิดามาแชะภาพกับสะพานอัษฎางค์ เข้ากับบรรยากาศและโรแมนติกสุดๆเลยล่ะ – ช่องอิศริยาภรณ์ หาดหินกลม (ช่องเขาขาด หรืออ่าวเขาขาด) ตั้งอยู่ด้านหลังของเกาะ ใกล้สวนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ครบ 60 พรรษา หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา มีสะพานวชิราวุธทอดยาวเลียบเชิงเขาสำหรับเดินชมทิวทัศน์ทางทะเล ตอนปลายสุดของช่องอิศริยาภรณ์มีลักษณะเป็นแหลม เรียกว่า แหลมวชิราวุธ ลักษณะคล้ายแหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงาม บริเวณหาดจะมีหินกลมขนาดต่าง ๆ มากมาย ในอดีตบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5 – หาดถ้ำพัง ถึงชื่อจะบอกว่า “พัง” แต่ถ้าพาแม่ไปแม่ต้องบอกว่า “ปัง” แน่ๆ ^^  หาดถ้ำพังเป็นส่วนหนึ่งของอ่าวอัษฎางค์ เป็นชายหาดกว้าง สะอาดและสวยงาม ทรายเนื้อเนียนละเอียด นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นน้ำและรับลมเย็นๆ และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติกอีกจุดหนึ่ง เกาะสีชัง พิกัด : https://goo.gl/maps/hmWTwHMvsXH2 การเดินทาง จากกรุงเทพฯ 1. เส้นทางสายบางนา-ตราด ใช้ทางหลวงหมายเลข 34 เข้าสู่จังหวัดชลบุรี มุ่งตรงไปยังอำเภอศรีราชา ถึงทางเข้าหาดบางแสน ขับตรงไปประมาณ 13 กิโลเมตร จะเจอห้างโรบินสันศรีราชาอยู่ทางขวามือ ให้เลี้ยวขวาตรงห้างโรบินสัน จากนั้นขับตรงไปยังท่าเรือเกาะลอย ประมาณ 3 กิโลเมตรก็จะถึง (หากต้องการค้างคืนสามารถจอดรถไว้ที่ฝั่งเกาะลอยได้เลย) 2. เส้นทางกรุงเทพฯ-มีนบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทราเข้าสู่อำเภอบางปะกง จากนั้นเลี้ยวเข้าชลบุรีมุ่งสู่อำเภอศรีราชา เมื่อเห็นห้างโรบินสันศรีราชาทางขวามือ ให้เลี้ยวขวาตรงห้างโรบินสัน จากนั้นขับตรงไปยังท่าเรือเกาะลอย 3. เส้นทางสายมอเตอร์เวย์ ยูเทิร์นเข้าสู่อำเภอศรีราชา บริเวณสวนเสือศรีราชา เข้าตัวเมืองศรีราชาถึงแยกไฟแดง เลี้ยวขวาผ่านหน้าโรบินสันศรีราชา แล้วเลี้ยวซ้ายไฟแดงหน้าองค์การโทรศัพท์ตรงไปเกาะลอย (สำหรับท่านที่นำรถยนต์มาสามารถฝากรถไว้ที่จุดฝากรถทั่วไป) **ท่าเรือเกาะลอย** อัตราค่าโดยสาร คนละ 50 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีเรือออกจากฝั่งศรีราชา (เกาะลอย) เวลา 07.00 – 20.00 น.เรือออกจากเกาะสีชังเวลา 06.00 – 19.00 น. โดยมีเรือออกทุกๆ ชั่วโมง ……………….. วันที่สอง เกาะสีชัง – ชลบุรี – ทะเลบางแสน เช้าๆ สดใสแบบนี้ไปลัดเลาะแถวเลียบหาดบางแสนกันสักหน่อย ชวนให้นึกถึงบรรยากาศสมัยคุณแม่ยังสาว พักผ่อนกันชิลล์ๆ มาในช่วงวันหยุดแบบนี้ที่นี่ก็จะคึกคักเป็นพิเศษ การเดินทาง จากท่าเรือเกาะลอยศรีราชา ใช้ถนนสุขุมวิท ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงป้ายแยกเข้าบางแสน (สามารถจอดรถได้ตลอดแนวชายหาด) – ตลาดหนองมน แหล่งซื้อของฝากที่โด่งดังแห่งหนึ่ง เชื่อว่าคุณแม่ขาชอปตัวยงทั้งหลายต้องนึกถึงบรรยากาศอันหอมหวนของตลาดหนองมนแห่งนี้ ที่นี่มีของฝากมากมาย ทั้งอาหารสดและอาหารแห้งเรียงรายเต็มไปหมด โดยเฉพาะข้าวหลามนั้น คือของขึ้นชื่อประจำตลาดหนองมนที่ทุกคนไม่ควรพลาดที่ตั้ง : 166 ถนนสุขุมวิท ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00 – 20.00 น. พิกัด : https://goo.gl/maps/Edn85e1UnWE2 การเดินทาง จากบริเวณหาดบางแสน ใช้ถนนถนนสุขุมวิท ตลาดอยู่ริมถนนสุขุมวิท (สามารถจอดรถได้ริมถนน) – ทานข้าวกลางวัน ณ เรือนปะการัง ร้านอาหารแถบบางแสนมีจำนวนไม่น้อย แต่แอดแนะนำเลยว่าถ้าพาแม่มาร้านนี้ แม่จะต้องให้รางวัลลูกดีเด่นแน่นอน ^^ ร้านนี้บรรยากาศดี ภายในแบ่งเป็น 2 โซน คือ โซน outdoor ติดทะเลและโซน indoor ชิลล์ๆ นำเสนออาหารทะเลสดๆ ซีฟู้ดจัดเต็ม บริเวณร้านกว้างขวาง จอดรถได้สบาย เมนูแนะนำ คือ น้ำพริกไข่ปู กุ้งเผา และปูม้านึ่งเนื้อเน้นๆ อิ่มพุงกางก่อนกลับเลยค่ะ ที่ตั้ง : 178 บางแสนสาย 1 ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี (แหลมแท่น)เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 23.00 น.โทร. 038 […]

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางชลบุรี – เกาะสีชัง อ่านเพิ่มเติม

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรปราการ – ฉะเชิงเทรา

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรปราการ – ฉะเชิงเทรา วันหยุดยาวในช่วงวันแม่แห่งชาตินี้ ถ้าใครอยากพาคุณแม่ไปเที่ยวย้อนวัยหวาน ให้เหมือนสมัยยังสาวอีกครั้ง เส้นทางสมุทรปราการและฉะเชิงเทรา ก็เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่น่าสนใจ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่จะสร้างความสุขให้กับเหล่าแม่ๆ ของพวกเราได้อย่างแน่นอน… ว่าแล้ว ก็ชวนคุณแม่ใส่กระโปรงบาน แต่งชุดลายดอก แล้วออกไปเที่ยวด้วยกัน !!     . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . วันที่ 1  พาคุณแม่ไปลัลลาที่บางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ บางกะเจ้า เป็นพื้นที่ที่มีรูปร่างคล้ายกระเพาะหมู ตั้งอยู่บริเวณโค้งน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา มีพื้นที่ครอบคลุม 6 ตำบลของ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้แก่ ต.บางกะเจ้า บางน้ำผึ้ง บางกอบัว บางกระสอบ บางยอ และ ทรงคะนอง โดยบางกะเจ้าได้รับการขนานนามว่าเป็น ปอดกลางเมืองที่ดีที่สุดในเอเชีย ช่วงสายๆ พาคุณแม่ไปปั่นจักรยาน สูดโอโซนที่สวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์ ที่นี่บรรยากาศร่มรื่นมากเพราะแวดล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ หลังจากปั่นจักรยานเสร็จ ก็น่าจะหิวกันแล้ว ช่วงเที่ยงพาคุณแม่ไปเดินเล่นพร้อมหาของอร่อยทานที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ที่อยู่ไม่ไกลจากสวนสาธารณะฯ ที่ตลาดน้ำมีทั้งของกิน ของเล่น สินค้าโอทอปให้เลือกเต็มไปหมด ต้องถูกใจคุณแม่สายชอปอย่างแน่นอน แถมมีร้านอาหาร ร้านกาแฟที่มีบรรยากาศแนววินเทจให้คุณแม่ไปถ่ายรูปสไตล์ย้อนยุคได้ด้วย สวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์ เปิดทุกวัน 06.00 – 19.00 น. ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เปิดบริการเฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ติดกับวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 08.00 – 16.00 น. โทร. 092 229 3594 การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว ใช้ทางด่วนบางนา-ดาวคะนอง ลงที่ถนนสุขสวัสดิ์(พระประแดง) ขับมาจนถึงสามแยกพระประแดง-สุขสวัสดิ์ (ขวามือเป็นโรงหนังเมเจอร์ฮอลิวูด ซ้ายมือเป็นบริษัทกิฟฟารีน) เลี้ยวซ้ายมาทางที่ว่าการอำเภอพระประแดงมาเกือบสุดทางบังคับเข้าสู่ถนนเพชรหึงษ์ ตรงไปตามทางประมาณ 5 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยเพชรหึงษ์ 26 (มีป้ายบอกทางเข้าตลาดน้ำ) เข้าไปประมาณ 700 เมตร จะเจอวัดบางน้ำผึ้งใน ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งจะอยู่บริเวณเดียวกับวัด สามารถจอดรถได้ที่ อบต.บางน้ำผึ้ง หรือสถานีอนามัยบางนา . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .  อยากพาคุณแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดไกลๆ แต่เวลาไม่เอื้ออำนวย ไม่ใช่ปัญหา แค่มาที่เมืองโบราณก็เหมือนได้ไปเที่ยวทั่วประเทศแล้วค่ะ เพราะที่นี่จำลองสถาปัตยกรรมทั้งวัด วัง อันงดงามไว้ในที่เดียว ที่ตั้ง : 296/1 หมุ่ 7 ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พิกัด : https://goo.gl/maps/wN5MdFfy4kL2 เปิดทุกวัน เวลา 09.00 -19.00 น. โทร 02 323 4094 อัตราค่าเข้าชม สำหรับคนไทย ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น.  ผู้ใหญ่ ราคา 350 บาท เด็ก 6 – 14 ปี ราคา 175 บาท ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไปลด 50% (ราคานี้รวมรถรางและ ปั่นจักรยาน) การเดินทาง จากตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ใช้ถนนเพชรหึงษ์ไปออกถนนวงแหวนอุตสาหกรรม กลับรถเพื่อข้ามสะพานภูมิพล 2 ลงจากสะพาน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนปู่เจ้าสมิงพราย ตรงไปเรื่อยๆ จะเจอถนนสุขุมวิท ให้เลี้ยวขวา แล้ววิ่งเส้นถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ ระยะทางประมาณ 13

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรปราการ – ฉะเชิงเทรา อ่านเพิ่มเติม

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางโคราช – สระบุรี

วันหยุดช่วงวันแม่ที่กำลังจะถึงนี้ หากเพื่อนๆ คนไหนอยากพาคุณแม่ไปเที่ยว แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี เส้นทางนครราชสีมา-สระบุรี เป็นหนึ่งเส้นทางที่แอดอยากแนะนำให้เพื่อนๆ พาคุณแม่ไปเที่ยวย้อนวัยหวานกันค่ะ เพราะในทริปนี้คุณแม่จะได้มีโอกาสสัมผัสกับสถานที่และบรรยากาศเก่าๆ ที่คุ้นเคย ซึ่งแอดเชื่อว่าในระยะเวลา 3 วัน 2 คืนนี้ คุณแม่ของเพื่อนๆ จะมีภาพความประทับใจและเรื่องเล่ามากมายกลับไปอวดข้างบ้านแน่นอน!!! วันแรก วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม พาคุณแม่ไปเที่ยวทั้งทีเราก็ควรเริ่มต้นทริปดีๆ ด้วยการพาท่านไปไหว้พระเพื่อเป็นฤกษ์งามยามดีในการเดินทางกันสักหน่อยนะคะ และนอกจากนี้การไหว้พระยังถือเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวอีกด้วย วัดที่แอดจะแนะนำก็คือ “วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม” ซึ่งมีลักษณะเด่นคือมีพระพุทธรูปปางประทานพรสีขาวขนาดใหญ่ชื่อว่า “พระพุทธสกลสีมามงคล” ชาวบ้านใหญ่มักเรียกกันว่าหลวงพ่อขาว หรือหลวงพ่อใหญ่ค่ะ ซึ่งหลวงพ่อขาวองค์นี้เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งเด่นอยู่บนเขาสามารถมองเห็นได้แต่ไกล ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสเดินทางไปเขาใหญ่ แอดแนะนำว่าไม่ควรพลาดเด็ดขาด!!! ที่อยู่: 9 หมู่ 9 ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30320 เบอร์โทรศัพท์: 081 294 3982 เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 16.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/6v2gsUPM7b92 บ้านไม้ชายน้ำ หลังจากไหว้พระขอพรกันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาพาคุณแม่ไปย้อนเวลาหาอดีตกันที่ “บ้านไม้ชายน้ำ” ค่ะ ที่บ้านไม้ชายน้ำแห่งนี้มีบรรยากาศและการตกแต่งแบบย้อนยุค ทำให้เรารู้สึกเหมือนย้อนเวลาไปอยู่ในสมัยก่อน มีมุมถ่ายภาพสวยๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์บ้านไม้ชายน้ำที่เป็นแหล่งรวบรวมและจัดแสดงของโบราณไว้ให้ได้ชมกันด้วยค่ะ ค่าเข้าชมเพียงท่านละ 50 บาทเท่านั้น แถมยังสามารถนำบัตรผ่านประตูไปแลกชาและกาแฟด้านในได้ด้วยนะคะ ที่สำคัญที่บ้านไม้ชายน้ำแห่งนี้ยังมีอาหารไทยรสชาติแบบไทยแท้ๆ ไว้คอยให้บริการมากมายค่ะ ที่อยู่: 21 ถ.มิตรภาพ ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30320 เบอร์โทรศัพท์: 044 314 236, 081 660 2826 เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 22.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/Yxw5rv7tBLL2 ฟาร์มโชคชัย เมื่อนึกถึงวันเวลาเก่าๆ แอดเชื่อว่าหลายๆ คนต้องนึกถึงยุคคาวบอยแน่นอนค่ะ แต่น้อยคนนักจะรู้จักวิถีแห่งคาวบอยที่แท้จริง การเป็นคาวบอยนั้นไม่ใช่แค่บู๊ยิงปืนกันสนั่นเมือง แต่จริงๆ แล้วคาวบอยเค้าใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายด้วยการรับจ้างเลี้ยงสัตว์และต้อนวัวค่ะ ถ้าพูดถึงสถานที่สวยงามสไตล์คาวบอยต้องยกให้ที่ “ฟาร์มโชคชัย” เลยค่ะ เพราะที่นี่มีการแสดงวิถีคาวบอย การต้อนแกะและกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย รับรองว่าถ้าเพื่อนๆ พาคุณแม่มาเที่ยวที่นี่ จะได้รับความสนุกสนานและความอิ่มเอมใจจนหุบยิ้มไม่ได้เลยล่ะค่ะ นอกจากนี้แอดขอแอบกระซิบว่าสเต็กของที่นี่อร่อยมากเลย อยากให้เพื่อนๆ พาคุณแม่ลองไปทานดูค่ะ^^ ที่อยู่: 169 หมู่ 2 ถ.มิตรภาพ ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: 044 935 504-5, 089 949 4631, 098 513 8857 เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้ชมเป็นรอบ วันเสาร์-วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 – 15.00 น. วันอังคาร – ศุกร์ เวลา 10.00 และ 14.00 น. ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ ราคา 300 บาท เด็กสูง 90-140 เซนติเมตร ราคา 150 บาท พิกัด: https://goo.gl/maps/KuQAVM7gVmr ดี โอลด์ เล้ง หลังจากเดินทางทำกิจกรรมกันมาทั้งวันแล้ว ก็ถึงเวลาทานอาหารเย็นและพักผ่อนกันแล้วค่ะ แอดขอแนะนำ “ดี โอลด์ เล้ง” เพราะมีทั้งที่พักและร้านอาหารไว้คอยให้บริการรวมอยู่ในที่เดียวค่ะ ที่นี่ตกแต่งในบรรยากาศแบบย้อนยุคโดยประยุกต์นำเอาของเก่าของสะสมมาประดับประดา ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในยุคเก่าๆ แถมห้องพักก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ชวนให้รู้สึกน่าค้นหาและพาให้เราหลงใหลไปในบรรยากาศของอดีตค่ะ^^ ที่อยู่: 299/12-14 หมู่  18 ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: 082 234 7206 ราคาที่พัก: 900 – 1,200 บาท/ห้อง เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 11.30 – 14.30 น. และเวลา 17.30 – 22.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/PFWDqYMoi162 วันที่สอง น้ำตกเหวสุวัต เช้าวันนี้แอดแนะนำให้พาคุณแม่ไปสูดอากาศบริสุทธิ์กันที่เขาใหญ่กันค่ะ เขาใหญ่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย แอดเชื่อว่าสมัยสาวๆ คุณแม่หลายๆ ท่านต้องเคยมาเที่ยวที่เขาใหญ่และมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับเขาใหญ่แน่นอนค่ะ สำหรับการเริ่มต้นทริปในวันที่สองนี้เราจะไปเที่ยวกันที่ “น้ำตกเหวสุวัต” ค่ะ น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีจุดชมวิวบริเวณหน้าผาและด้านล่างของน้ำตก น้ำตกเหวสุวัตมีลักษณะเป็นสายน้ำไหลตกลงมาจากหน้าผาสูง บริเวณด้านล่างเป็นแอ่งน้ำและลำธาร สามารถลงเล่นน้ำได้ บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นเหมาะสำหรับการถ่ายรูปและพักผ่อนมากๆ เลยค่ะ ที่อยู่: 9 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 086 092 6527 เวลาเปิด-ปิด: 07.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม: ชาวไทย ผูใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท พิกัด: https://goo.gl/maps/V2i6HfdkhSQ2 ครัวกำปั่นเขาใหญ่ เที่ยงนี้แอดแนะนำให้ไปฝากท้องที่ “ร้านครัวกำปั่นเขาใหญ่” ค่ะ เป็นร้านที่ขึ้นชื่อร้านหนึ่งที่เมื่อมาเขาใหญ่ต้องไม่พลาด บรรยากาศภายในร้านตกแต่งในรูปแบบบ้านทรงไทยสวยงาม บรรยากาศสบายๆ ไม่แออัด และที่สำคัญคืออาหารอร่อยมาก แอดการันตี!!! ที่อยู่: 94-94/1 หมู่ 6 ต.หมูสี อ,ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: 044 929 949, 093 514

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางโคราช – สระบุรี อ่านเพิ่มเติม

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรสงคราม

จ.สมุทรสงคราม หรืออีกชื่อก็คือ เมืองแม่กลอง เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ มั่งคั่งไปด้วยวัฒนธรรม เป็นเมืองที่ผู้คนยังคงดำรงวิถีชีวิตแนบชิดกับแม่น้ำและธรรมชาติ เหมือนที่บรรพบุรุษเคยเป็นมา ซึ่งถ้าจะพาคุณแม่ไปเที่ยว ย้อนรำลึกวัยหวาน จ.สมุทรสงคราม ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่เบาเลยล่ะ แอดมีเส้นทางมาแนะนำ กับเส้นทาง สิงหาพาแม่เที่ยว ย้อนวัยหวานที่ สมุทรสงคราม 2 วัน 1 คืน มาเป็นแนวทาง ให้ลองเที่ยวตามกันดู ——————————————————– วันที่ 1 ทานอาหารเช้า ชมวิถีชีวิตชาวบ้านที่ ตลาดน้ำท่าคา ตลาดน้ำท่าคาแห่งนี้ เป็นตลาดน้ำที่ยังคงความเป็นธรรมชาติของวิถีชีวิตชาวบ้าน ที่มีอาชีพทำสวน ปลูกผักผลไม้ต่างๆ ชาวบ้านจะพายเรือและนำผลผลิตต่างๆ มาขายหรือแลกเปลี่ยนกัน เราสามารถซื้อกลับไปให้คุณแม่ทำกับข้าวให้ทานได้หลายมื้อเลยล่ะ ถ้าใครที่ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าไปจากบ้าน ก็มาฝากท้องที่นี่ได้เลย เพราะมีอาหารทั้งคาวและหวานให้เราได้เลือกทาน พ่อค้าแม่ค้าจะนั่งขายอยู่ในเรือ จอดเทียบท่าให้เราไปเลือกซื้อเลือกชิม เหมือนสมัยโบราณ ราคาก็ไม่แพงด้วย เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ วันข้างขึ้นและแรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ และ 12 ค่ำ ตั้งแต่เวลาประมาณ 07.00 – 14.00 น. การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 325 (สมุทรสงคราม-บางแพ) เมื่อถึงกิโลเมตรที่ 32 (เลยทางแยกเข้าวัดเกาะแก้วไปเล็กน้อย) จะมีทางแยกขวาไปอีก 7 กิโลเมตร พิกัด : https://goo.gl/maps/A8PjiE1mi3T2 สักการะหลวงพ่อดำ ชมโบสถ์ปรกโพธิ์ที่ วัดบางกุ้ง เดินทางมาทำบุญกันที่วัดบางกุ้ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ปรกโพธิ์ ที่ดำรงอยู่ด้วยการค้ำยันแห่งรากไม้อันแข็งแรง ชาวไทยนิยมเดินทางมานมัสการหลวงพ่อพุทธนิลมณี หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปเก่าแก่สมัยอยุธยา ที่ประดิษฐานอยู่ในโบสถ์ มีความเชื่อว่าหากมาสักการะบูชา บารมีของท่านจะช่วยปกปักรักษาคุ้มครองให้ผู้ที่มากราบไหว้ร่มเย็นเหมือนอยู่ใต้ร่มโพธิ์ร่มไทร แคล้วคลาด ปราศจากอันตราย และมีชัยต่ออุปสรรคทั้งปวง  เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.30 น. การเดินทาง จากตลาดน้ำท่าคา ใช้ทางหลวงหมายเลข 5018 เจอสี่แยกแรกให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 3011 จนถึงถนนใหญ่ (บางแพ-สมุทรสงคราม) ให้เลี้ยวซ้าย แล้วไปกลับรถตรงจุดกลับรถ ขับมาอีก 300 เมตร เจอทางแยก ให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปตามถนน เมื่อข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองมาแล้วให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปเรื่อยๆ วัดบางกุ้งจะอยู่ทางขวามือ พิกัด : https://goo.gl/maps/WTq7KhHD4ZH2 เดินชมไม้ในวรรณคดี ชมเรือนไทยที่สวยงาม และพิพิธภัณฑ์ไทย ที่ อุทยาน ร.2 เรือนหมู่ทรงไทยงามสง่า คือเสน่ห์แรกที่เชิญชวนทุกคนให้เข้าไปสัมผัส “อุทยาน ร.2” ภายในเต็มไปด้วยพื้นที่อันร่มรื่น และมีการจัดภูมิทัศน์ที่สวยงาม สามารถพาคุณแม่เดินชมได้อย่างเพลินเพลิน ไฮไลท์ที่น่าชมอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่เป็นอาคารทรงไทย 4 หลัง แบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ จัดแสดงโบราณวัตถุสมัยรัตนโกสินทร์ที่สะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ การดำรงชีวิต และศิลปวัฒนธรรมของชาวไทยสมัยก่อน นอกจากนี้ภายนอกยังมีโรงละครกลางแจ้งและสวนพฤกษชาติ อันเป็นสวนพันธุ์ไม้ในวรรณคดีนานาชนิด เปิดทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 19.30 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท โทร. 034 750 666, 034 750 376 การเดินทาง จากวัดบางกุ้ง ให้เลี้ยวซ้ายกลับไปข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง ลงจากสะพานแล้วเลี้ยวขวา ขับตรงตามถนนมาเรื่อยๆ อุทยาน ร.2 จะอยู่ทางซ้ายมือ พิกัด : https://goo.gl/maps/AUgW8WsASGp ปิดท้ายวันกันที่ ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำอัมพวาเป็นตลาดน้ำยามเย็น ด้วยเสน่ห์ของชุมชนริมน้ำและวิถีชีวิตของผู้คน รวมไปถึงอัธยาศัยไมตรีของพ่อค้าแม่ขาย ทำให้ตลาดแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเสมอมา มีอาหารเลือกซื้อเลือกทานกันอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นขนมไทย ก๋วยเตี๋ยว หอยทอด ผัดไทย ฯลฯ และยังมีสินค้ามากมายหลายอย่างให้เลือกซื้อเลือกชิมไม่แพ้กัน มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายสินค้าทำมือ (handmade) สินค้าท้องถิ่นไอเดียเก๋ๆ จะนั่งรับประทานอาหารพร้อมชมบรรยากาศของตลาดน้ำในยามค่ำคืน หรือล่องเรือชมวิถีชีวิตริมน้ำ และชมหิ่งห้อยยามค่ำคืนก็ได้ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ต้องห้ามพลาด เมื่อมาเยือนตลาดน้ำอัมพวาเลยล่ะ เปิดวันศุกร์-อาทิตย์ – วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 16.00 – 22.00 น. – วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 12.00 – 22.00 น. การเดินทาง ตลาดน้ำอยู่ใกล้กับอุทยานฯ ร.2 เดินเท้าประมาณ 10 นาที หรือขับรถไปประมาณ 500 เมตร พิกัด : https://goo.gl/maps/LnuxCjFyqtN2 วันที่ 2 แวะดื่มกาแฟยามเช้า ริมแม่น้ำแม่กลองที่ตลาดน้ำบางน้อย เช้านี้ พาคุณแม่ไปนั่งดื่มกาแฟ ทานอาหารเบาๆ ชมวิวแม่น้ำกันที่ตลาดน้ำบางน้อย ซึ่งในอดีตเคยเป็นย่านการค้าทางน้ำที่สำคัญในลุ่มน้ำแม่กลอง ในปัจจุบันแม้จะเงียบเหงาลงไปบ้าง แต่ตลาดน้ำบางน้อยก็ยังคงรักษาความเป็นอยู่และวิถีชีวิตริมน้ำแบบดั้งเดิมเอาไว้ ท่ามกลางวิถีชีวิตริมน้ำแบบดั้งเดิม ก็มีสิ่งใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างร้าน Eighty Four Cofee สุดชิคร้านนี้ ฝั่งตรงข้ามของร้านจะเป็นวิวโค้งแม่น้ำแม่กลองพอดี นั่งดื่มกาแฟชิลล์ๆ รับลมเย็นๆ ดื่มด่ำบรรยากาศสบายๆ ชมวิวริมน้ำ ฟินอย่าบอกใครเลยล่ะ ถัดไปไม่ไกลกัน มีร้านกาแฟชื่อว่า กาแฟบางน้อย ตกแต่งร้านได้เก๋ไก๋สไตล์ศิลปิน ใครที่ชื่นชอบงานศิลปะ สามารถมาเดินชมผลงานของพี่เจ้าของร้านได้เพลินๆ เลย เครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลากหลาย ที่ไปแล้วต้องชิมเลยก็คือ 1. ฟ้าละมุน – น้ำอัญชันนมสด รสชาตินุ่มนวลละมุนลิ้น 2. สี่แผ่นดิน – น้ำแดงมะนาวโซดา

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรสงคราม อ่านเพิ่มเติม

5 ร้านเด็ดที่พลาดไม่ได้เมื่อมาอุทัยฯ

มาเที่ยวเมืองอุทัยฯทั้งที..นอกจากที่เที่ยวจะเยอะแล้วของกินอร่อยก็มากมี มาที่นี่ไม่ต้องทำอะไรมากมายให้เหนื่อย นอกจากตระเวนกินตั้งแต่เหยียบย่างถึงถิ่นอุทัยฯจนเข้านอน สำหรับ 5 ร้านเด็ดที่พลาดไม่ได้เมื่อมาอุทัยฯ จะมีร้านไหนบ้างนั้นตามมาชิมด้วยกันเลยจ้าาา เข้าเมืองอุทัยฯมาแป๊บนึงเลี้ยวซ้ายเข้าเกาะเพโท เอ้ย เทโพ ร้านนี้เลย “ป้าสำราญ” ร้านหาไม่ยาก (ถ้าไม่ขับเลยนะ) ไปตามพิกัดนี้ https://goo.gl/maps/D9PGRsNNM7J2 โทร. สั่งจองอาหารกันได้ที่ 056 980 085  ร้านเปิดทุกวัน 10 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม เมนูเด็ดของป้าสำราญ ได้แก่ สารพัดเมนูปลาแม่น้ำ เช่น ปลาแรด ปลาคัง ปลาเนื้ออ่อน จะเอามาต้มยำทำแกงรสแซ่บตลอดจนทอดกระเทียมได้หมด และใครชอบผัดผักแนะนำคือ ผัดถั่วสูตรผู้ว่าฯ เมนูเด็ด ต้มยำปลา ร้านป้าสำราญ เข้ามาใจกลางเมืองแวะชิมขนมปังสังขยาร้าน “ไพพรรณ” ขนมปังร้อนๆ หอมกรุ่นจากเตาไส้สังขยาสีส้มเนียนละเอียดหวานกำลังพอดี อ้อ ร้านนี้ขนมปังสังขยาเค้ามีแต่ไส้สีส้มนะสีอื่นไม่ทำ เป็นความแนวเฉพาะตัว ไปถึงร้านถ้าไม่ได้สั่งก็ไม่ได้กินนะ ต้อง preorder เอาเบอร์โทรศัพท์ไปไว้ก่อนเลย 056 511 660 พิกัดร้านhttps://goo.gl/maps/qcvrZhTH5pK2 แต่ไปถึงร้านแล้วก็สั่งเลยเถอะไม่ต้องโทรมาทีหลัง รีบหน่อยนะ เพราะร้านปิดประมาณ 5 โมงเย็นแต่ว่าเปิดแต่เช้าตรู่ 7 โมงเช้า สั่งวันนี้รับขนมพรุ่งนี้ แต่เราโทรมาสั่งไว้แล้วตั้งแต่อยู่เมืองกรุง (มีวิสัยทัศน์สุดๆ เฉพาะเรื่องกิน) รับขนมไว้แล้วไปตระเวนกันต่อ อากาศร้อนๆ แบบนี้แวะรับขนมปังเย็นราดน้ำแดงชุ่มฉ่ำชื่นใจไม่แพ้บิงซูกันที่ร้าน “กาแฟบ้านจงรัก” ร้านนี้นอกจากจะมีทั้งสารพัดชา กาแฟ กับขนมปังรสละมุนแล้ว ภายในร้านยังตกแต่งได้น่ารักน่าเดิน อาคารตัวร้านเป็นบ้านไม้ชั้นสองตกแต่งเป็นพิพิธภัณฑ์ของเก็บของสะสมสมัยโบราณนานมาลองขึ้นไปเที่ยวชมถ่ายรูปดูได้ แต่อย่าลืมรีบลงมากินขนมปังเย็นด้วยล่ะเดี๋ยวละลายหมดก็จะพบแต่ความวังเวง ร้านกาแฟบ้านจงรัก กินหวานแล้ววนกลับไปที่ของแซ่บๆ ช่วยเผาผลาญกันดีกว่า ไม่ต้องออกกำลัง แต่ใช้การกินเอา (เนอะๆ) ว่าแล้วก็แวะที่ร้าน “บ่าวต้อมหนองคาย” เมนูห้ามพลาดนี้ได้แก่ ตำไทยไข่เค็ม ตำหอยแครง ตำถาด ไก่ย่างสไตล์ อิสานบ้านเฮา แซ่บแค่ไหนเอาเป็นว่าถ้าไปเที่ยงต้องโทรจองโต๊ะนะ เมมเบอร์กันไว้เลยจะได้ไม่พลาด 080 695 9526 ร้านอยู่ตรงข้ามหมู่บ้านแพนด้าทางไปวัดท่าซุง ร้านบ่าวต้อมหนองคาย ตระเวนกินจนค่ำมืดแล้ว ก่อนนอนตบท้ายด้วยอาหารเบาๆแบบข้าวต้มรอบดึกกันที่ “เจ๊ดาปลาลวก” ข้าวต้มที่ไม่ได้มีแต่ข้าวต้มแต่มีสารพัดเมนูชวนน้ำลายสอสั่งจานแรกแล้วต้องสั่งซ้ำ ได้แก่ หมูกรอบทอดน้ำปลา ปลาแรดลวกจิ้ม ปลาแรดทอดกระเทียม ต้มยำแห้ง ต้มยำแห้งรวมมิตร ร้านนี้เปิดห้าโมงเย็นถึงประมาณสี่ทุ่ม เอาเบอร์ไปเมมไว้ 056 571 409 แต่โทรไปเจ้าของจะมีเวลารับหรือเปล่าก็ไม่รู้นะเพราะขายดีมาก ลูกค้านั่งกินกันยังกับแจกฟรี สนใจไปตามพิกัดนี้เลย https://goo.gl/maps/1tL589Xrwnz ร้านเจ๊ดาปลาลวก กินกันจนเพลียคงต้องขออำลาไปพักร่างและกระเพาะ ใครสนใจตามมาๆ อุทัยฯเมืองใกล้กรุง มีดีทั้งของกินและที่เที่ยวกับการเดินทางที่แสนจะสะดวกสบายนะเธอ ถ้าไม่มาบอกเลยว่า..พลาดอย่างแร๊งงง

5 ร้านเด็ดที่พลาดไม่ได้เมื่อมาอุทัยฯ อ่านเพิ่มเติม

ไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน ตามหาแม่นายการะเกด

สุดสัปดาห์นี้ไปเที่ยวที่ไหนดีนะ…ถ้ายังคิดไม่ออก พวกเราทีมเพื่อนร่วมทางอยากจะชวนเกาะกระแสละครดัง บุพเพสันนิวาส และพาออเจ้าทั้งหลายไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน ตามหาแม่นายการะเกดที่จังหวัดใกล้ๆอย่างพระนครศรีอยุธยากันเถิด สถานที่แรกที่เราจะไปกันคือ วัดใหญ่ชัยมงคล สิ่งที่น่าสนใจของวัดใหญ่ชัยมงคลคือเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา รวมไปถึงสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เจดีย์ชัยมงคล เจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยาเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงรบชนะมังกะยอชวาพระมหาอุปราชของหงษาวดี ด้านหลังวัดมีตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ให้ผู้ที่ศรัทธาเข้ามากราบไหว้ นอกจากนี้ บริเวณรอบๆ ยังมีสวนหย่อมที่สวยงามให้พักผ่อนอีกด้วย วัดใหญ่ชัยมงคล เปิดทุกวัน 08.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทยไม่เสียค่าเช้าชม ชาวต่างชาติ 20 บาท หลังจากนั้นเราจะไปต่อกันที่ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับวัดใหญ่ชัยมงคล ที่นี่เราสามารถมองเห็นป้อมเพชรซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยาได้ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา มีชื่อเสียงในเรื่องของหลวงพ่อโตหรือเจ้าพ่อซำปอกงที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวจีนต่างให้ความเคารพนับถือมานาน สำหรับที่ต่อไป ทางเข้าอาจลึกลับไปสักนิด แต่บรรยากาศคุ้มค่าที่จะมา พิพิธภัณฑ์บ้านฮอลันดาตั้งอยู่ในซอยคานเรือ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาคารสไตล์ยุโรป 2 ชั้น สีสันสดใสสะดุดตา ชั้นล่างเป็นคาเฟ่และร้านจำหน่ายของที่ระลึก ชั้นบนเป็นพิพิธภัณฑ์ความสัมพันธ์ไทย-ฮอลันดา ซึ่งทำออกมาได้น่าสนใจเลยทีเดียว หากใครสนใจประวัติศาสตร์และอยากมานั่งเล่นดื่มด่ำบรรยากาศแบบชาวดัชต์ สามารถมาที่บ้านฮอลันดาได้ อยู่ไม่ไกลจากวัดพนัญเชิงวรวิหาร เปิดทุกวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 09.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม 50 บาท เดินเที่ยวมาเหนื่อยๆ แวะทานอาหารกลางวันกันเถอะ ทางเราขอแนะนำร้านผักหวาน ที่นี่มีอาหารหลายประเภทให้เลือกทาน ทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง เช่น ส้มตำ หอยทอด ผัดไท สลัดกุ้งทอด สเต็ก และเมนูขึ้นชื่อของร้านคือ ก๋วยเตี๋ยวผักหวาน  ใครที่สนใจมาลองลิ้มชิมรสอาหารที่ร้านผักหวาน สามารถมาได้ทุกวัน ร้านตั้งอยู่หน้าวัดสุวรรณดาราม เปิดเวลา 08.00 – 19.00น. cr.รูปภาพจาก facebook ร้านบ้านผักหวาน กินคาวแล้วไม่กินหวาน มันจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป ต้องปิดท้ายมื้อเที่ยงด้วยขนมแสนอร่อยที่ ร้านบ้านข้าวหนม คาเฟ่ข้าวหนมไทยโบราณ ขายขนมไทยและเครื่องดื่มต่างๆ มีทั้งทำเอง และรับจากร้านในพื้นที่อยุธยา ภายในร้านตกแต่งสไตล์เรโทรนิดๆ จุดเด่นของร้านคือ ร้านกาแฟแบบอนุรักษ์นิยมที่นำเอาขนมไทยแบบต่างๆ มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว  บ้านข้าวหนม ตั้งอยู่บนถนนอู่ทอง เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 19.00 น. cr. facebook ร้านบ้านข้าวหนม หนังท้องตึง หนังตายังหย่อนไม่ได้นะจ๊ะ เราต้องไปเที่ยวกันต่อ เราไปต่อกันเลยที่ วัดมหาธาตุ หากพูดถึงวัดนี้เราจะต้องนึกถึงความมหัศจรรย์ของเศียรพระพุทธรูปกว่าร้อยปีที่อยู่ในต้นไม้ ซึ่งพลาดไม่ได้ที่จะต้องไปถ่ายรูป วัดราชบูรณะ อยู่ไม่ไกลจากวัดมหาธาตุ เราสามารถเดินไปถึงได้ จุดเด่นของวัดคือ ปรางค์ประธานที่มีขนาดสูงใหญ่ ก่อด้วยอิฐบนฐานสี่เหลี่ยม ด้านในพระปรางค์สามารถเดินลงไปชมจิตรกรรมฝาผนังและชมกรุสมบัติในสมัยอยุธยาได้อีกด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท ปิดท้ายการเที่ยวในวันที่ 1 ด้วยวัดไชยวัฒนาราม เชื่อกันว่าสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ในปี พ.ศ.2173 เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระราชมารดา แต่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือนครละแวกโดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด ซึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจคือ ปรางค์ประธานและเมรุทิศ เมรุรายที่อยู่ล้อมรอบนั้นเอง เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท หลังจากเที่ยวกันมาทั้งวัน ต้องหาอะไรฟินๆทานสักหน่อย พูดถึงอยุธยา ก็ต้องนึกถึงกุ้งเผาเป็นอันดับแรก ร้านแพกรุงเก่าเป็นร้านที่ตอบโจทย์เป็นอย่างมาก เพราะเป็นร้านเก่าแก่ มีอาหารหลายหลายประเภท โดยเฉพาะกุ้งเผาที่มีหลายขนาด ทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ดถือว่าเด็ด พลาดไม่ได้จริงๆ ร้านแพกรุงเก่า ตั้งอยู่บนถนนอู่ทอง เปิดทุกวัน 10.00-21.00 น. ที่พักสำหรับทริปนี้ เราพักที่ Riverview Place บรรยากาศดี อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา วันที่ 2  เช้านี้ตักบาตรยามเช้า บนถนนอู่ทอง ได้ซึมซับบรรยากาศของชาวบ้านด้วยนะออเจ้า หลังจากตักบาตรช่วงเช้ากันแล้ว เริ่มที่ วิหารมงคลบพิตร นมัสการพระมงคลบพิตร พระพุทธรูปปางมารวิชัย หนึ่งในพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของพระนครศรีอยุธยาและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ บริเวณรอบๆมีร้านขายของฝากขนาดใหญ่ด้วย หากใครได้ติดตามละครบุพเพสันนิวาสก็จะได้เห็นว่ามีฉากวิหารมงคลบพิตรให้ได้ชมกันด้วย ฉะนั้นไม่พลาดที่จะไปกันนะคะ เยี่ยมชมวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดที่อยู่ในเขตพระราชวังหลวง เหมือนกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามในกรุงเทพฯ มีเจดีย์ทรงระฆัง 3 องค์ที่งดงาม เป็นสัญลักษณ์ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ระหว่างเจดีย์แต่ละองค์มีมณฑปก่อคั่นไว้ สามารถเที่ยวชมวัดได้ทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น. มาต่อกันที่ วัดพุทไธศวรรย์ ฝั่งตรงข้ามของเกาะเมือง เป็นพระอารามหลวงที่ยังคงสภาพดี ข้าจึงพาออเจ้าทั้งหลายมาชมความงดงามของวัด ซึ่งสร้างขึ้นในบริเวณที่ประทับเดิมของสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง เรียกว่า ตำหนักเวียงเหล็ก หรือ เวียงเล็ก สิ่งที่น่าสนใจคือ ปรางค์ประธาน ที่มีศิลปะแบบขอม นอกจากนี้ยังมีพระอุโบสถ หมู่พระเจดีย์สิบสององค์ และวิหารพระนอนให้ชมกันอีกด้วย เที่ยวกันมาสักพักแล้วได้เวลาหาอะไรรองท้อง เราจึงไปกันที่ตลาดน้ำวัดท่าการ้อง มาที่นี่แล้วเราจะได้ทั้งเที่ยวในวัดและสามารถเลือกซื้อของกิน มีทั้งอาหารคาว อาหารหวาน เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น. ก่อนจะกลับบ้านเราต้องมีของติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากกันหน่อย ของฝากขึ้นชื่อของอยุธยาก็จะต้องไม่พลาด “โรตีสายไหม” ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายเป็นสิบๆร้าน แหล่งจำหน่ายอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา หรือริมถนนอู่ทอง  cr. facebook ร้านโรตีสายไหมอาบีดีน

ไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน ตามหาแม่นายการะเกด อ่านเพิ่มเติม

สามชุก เสน่ห์คนเสียงเหน่อ

ตลาดสามชุก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนในท้องถิ่น ตั้งแต่อดีตที่บรรยากาศภายในตลาดการค้าขายที่ยังคงรักษาวิถีแบบดั้งเดิม ตลาดสามชุกได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในนามที่ว่า “สามชุก ตลาดร้อยปี ตลาดมีชีวิต พิพิธภัณฑ์มีชีวา” ในอดีตตลาดสามชุกเป็นย่านการค้าสำคัญ และเป็นแหล่งชุมชนของชาวไทยเชื้อสายจีน จึงทำให้ที่นี่มีรากฐานทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย เปิดบริการทุกวัน เวลา 07.00 – 18.00 น. ตลาดโบราณร้อยปี สามชุก ว่ากันว่างานดี ดีอย่างไร? ดีทั้งของกิน ของฝาก น่ะสิคะ มาทีไรก็นึกถึงช่วงวัยเด็กทุกที ทั้งบรรยากาศห้องแถวไม้เก่าแก่ริมน้ำที่เรียงรายกันได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสวยงาม ของกินของอร่อยหลากหลายชนิดอดใจไม่ได้ที่อยากจะลิ้มลองกันซะทุกร้านทั้งขนมโบราณ ลูกชิ้นยักษ์ หรือจะเป็นของเล่นสมัยเด็กได้ความคลาสสิค ชิค คูล ที่นี่ได้บรรยากาศสุดๆเลยค่ะ ยังมีพิพิธภัณฑ์สำหรับสายถ่ายรูปอย่างแอดมินแล้วก็ไม่พลาดที่จะหามุมเก๋ แชะภาพมาแน่นอน ร้านขายของเบ็ดเตล็ด ร้านกาแฟท่าเรือส่ง (ศิวะนันต์พานิช) ร้านกาแฟเก่าแก่ มีเอกลักษณ์ โบราณทั้งการชงโบราณทั้งคนชงเลยค่ะ คลาสสิคไปอีก และยังเป็นสถานที่พบปะ แลกเปลี่ยน พูดคุยของชาวตลาดรสชาติที่ยังคงเอกลักษณ์มาช้านาน จึงทำให้ร้านกาแฟโบราณคงคู่กับตลาดสามชุก มาจนถึงปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนง จีนารักษ์ ได้เป็นที่รวบรวมของโบราณ และให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต ใครไปใครมาก็ต้องมีของติดไม้ติดมือกลับบ้านกัน มาที่นี่วันเดียวอิ่มใจและที่สำคัญอิ่มท้องด้วยค่ะ การเดินทาง โดยรถยนต์ (ช่วงวันหยุดแนะนำให้ไปช่วงเช้าจะหาที่จอดง่ายกว่า) จากกรุงเทพฯ ใช้ทางด่วนปากเกร็ด-แจ้งวัฒนะ ลงทางด่วนที่ถนนแจ้งวัฒนะ จากนั้นให้ชิดขวาขึ้นสะพานข้ามแยกปากเกร็ด ขึ้นสู่สะพานพระราม 4 ลงสะพานเข้าเส้น 345 วิ่งไปซักระยะให้ขึ้นสะพานเพื่อ u-turn กลับ เพื่อเข้าทางหลวงหมายเลข 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) ซึ่งจะผ่านอ.บางปลาม้า ผ่านอ.เมืองสุพรรณบุรี ผ่านอ.ศรีประจันต์ จนเข้าสู่อ.สามชุก ให้เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกไฟแดง ข้ามสะพานแล้วชิดขวาไปนิดเดียว จะเห็นแยกเข้าตลาดสามชุกอยู่ขวามือ ทางเข้าเดียวกับที่ว่าการอำเภอสามชุก เข้าไปประมาณ 500 เมตร ตัวตลาดอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณติดกับที่ว่าการอำเภอสามชุก รวมระยะทางประมาณ 146 กิโลเมตร หรือ ประมาณ 2 ชั่วโมง ( จาก กทม.-เมืองสุพรรณฯ รวมระยะทาง 107 ก.ม. ) โดยรถตู้1. กรุงเทพฯ – ตลาดสามชุก : ใช้เส้นทางกรุงเทพฯ – ตลิ่งชัน – บางใหญ่ – สุพรรณบุรี – สามชุกท่ารถกรุงเทพฯ : จอดข้างธนาคารกรุงไทย ตรงข้ามกองสลากฯ ถ.ราชดำเนิน เวลา 5.00 – 20.00 น. ทุกวันท่ารถสามชุก : จอดริมคลองชลประทาน ท้ายตลาดสามชุก เวลา 4.00 – 19.00 น. ทุกวัน ราคา 120 บาท ใช้เวลา 2 ชั่วโมง โทร.086 328 2791-2 2. กรุงเทพฯ – ตลาดสามชุก : ใช้เส้นทางกรุงเทพฯ (อนุสาวรีย์ชัยฯ) – เมืองทอง – ปากเกร็ด – นพวงศ์ – ลาดบัวหลวง – สุพรรณบุรี – สามชุกท่ารถกรุงเทพฯ : จอดหน้าภัตตาคารพงหลี อนุสาวรีย์ชัยฝั่งห้างเซ็นเตอร์วัน เวลา 4.00 – 19.00 น. โทร.080 025 1511ท่ารถสามชุก : จอดริมคลองชลประทาน ท้ายตลาดสามชุก เวลา 5.00 – 20.00 น. ทุกวัน โทร. 088 881 0916ราคา 140 บาท ใช้เวลา 2 ชั่วโมง  โดยรถโดยสารประจำทางมีรถปรับอากาศ กรุงเทพ – ท่าช้าง (ไม่ใช่ด่านช้าง) ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ทุกวัน รถจะผ่านอ.สามชุก อาจจะเข้าไปส่งที่ท้ายตลาดบางครั้งถ้ามีผู้โดยสารลงเยอะ ถ้ามีผู้โดยสารน้อยจะส่งใกล้ๆกับตลาดต้องเดินเท้าเล็กน้อย

สามชุก เสน่ห์คนเสียงเหน่อ อ่านเพิ่มเติม

Kid Mai Death Cafe : มรณานุสติ คาเฟ่

คิดใหม่ คาเฟ่แห่งความตาย ซอยอารีย์ เมื่อเดินเข้าซอยมา เราจะพบกับอุโมงค์สีดำที่มีไฟสลัวๆ ตลอดทางเดินมีลักษณะเหมือนนิทรรศการขนาดย่อมที่ตั้งคำถามให้เราได้ขบคิดถึงการใช้ชีวิตของตัวเองที่ผ่านมา มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ผ่านพ้นอุโมงค์ออกมา ก็จะเข้าสู่บริเวณร้าน ซึ่งออกแบบให้เหมือนกับอยู่ภายในวัดที่มีต้นไม้ร่มรื่น มีศาลาสวดพระอภิธรรมศพที่ตกแต่งในโทนสีขาวดำ อย่างกับอยู่ในงานศพจริงๆ เลย เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของความตาย เราจึงเห็นโครงกระดูกมนุษย์นั่งบ้างนอนบ้างอยู่ตามที่ต่างๆ ภายในร้าน ไว้คอยเตือนใจให้ผู้มาเยือนได้คิดและทำสิ่งดีๆ ก่อนจะไม่มีโอกาสได้ทำ (แอบขนลุกเบาๆ นะเนี่ย ^^) เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้านมีอยู่ 4 อย่าง ซึ่งนำเอาหลักสัจธรรม “เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย” มาสอดแทรกเป็นกิมมิคเก๋ๆ ตามคอนเซ็ปต์ของร้าน เมนูซิกเนเจอร์ทั้ง 4 เรียงจากซ้ายไปขวา ได้แก่Born – เกิด “ยากเพียงใดกว่ามนุษย์จะได้เกิดมาและมีลมหายใจ จงใช้ชีวิต”สตรอว์เบอร์รีโซดาสีสวยสดใสที่เข้มข้นจากด้านล่าง ขึ้นไปสู่ฟองอากาศด้านบนอันเป็นตัวแทนของลมหายใจที่หอมหวาน เจือด้วยอุปสรรคที่ขอบแก้วเป็นสีสันของชีวิต  Elder – แก่ “เมื่อการดำเนินชีวิตมาถึงช่วงเวลาหนึ่ง อวัยวะทั้งหลายของเราย่อมเสื่อมไปตามธรรมชาติ แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาสร้างให้เราสุขุม รอบคอบ มีสติและรู้จักคุณค่าของชีวิต”ช็อคโกแลตร้อนที่เข้มข้นจนถึงก้นแก้ว สื่อถึงสังขารที่ร่วงโรยและการปล่อยวาง Painful – เจ็บ “เครื่องดื่มนี้แทนเส้นทางการใช้ชีวิตที่ผ่านมา ที่ผ่านขวากหนามและอุปสรรคต่างๆ จนบางบาดแผลทิ้งร่องร่อยให้เป็นประสบการณ์ชีวิต”ซอสสตรอว์เบอร์รีเปรียบเสมือนเลือดที่เกิดจากบาดแผล ไหลไปตามวิปครีมที่แทนร่างกาย ลึกลงไปสู่จิตใจที่ก้นแก้ว Death – ตาย โกโก้ปั่นเข้มข้น สื่อถึงวาระสุดท้ายที่ร่างกายต้องสลายไปในที่สุด “ทดลองตาย ก่อนตาย”  การนำโลงศพมาตั้งแบบนี้เป็นกิจกรรมหนึ่งของร้าน ที่ให้เราลงไปนอนในโลงเพื่อให้ได้คิดพิจารณาถึงสิ่งต่างๆ ที่เคยทำลงไปและสิ่งที่อยากจะทำในอนาคต หลังออกมาจากโลงก็จะมีสมุดให้เขียน “ความตั้งใจที่จะทำหลังขึ้นมาจากโลงศพ” ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 3 นาที มีเจ้าหน้าที่ของร้านเป็นคนเปิด-ปิดฝาโลงให้  สำหรับผู้กล้าที่ทดลองนอนในโลงศพจะได้ส่วนลดเครื่องดื่ม 5 บาทด้วย นอกจากการทดลองนอนในโลงศพแล้ว ยังมีกิจกรรมให้ผู้ที่มาเยือนได้ทำก่อนตาย เช่น เขียนพินัยกรรม และเขียนจดหมายถึงตัวเอง ซึ่งผู้ร่วมกิจกรรมก็จะได้ลดราคาเครื่องดื่ม 5 บาทเช่นกันค่ะ

Kid Mai Death Cafe : มรณานุสติ คาเฟ่ อ่านเพิ่มเติม

D.E.D Thailand ร้านนี้มีแต่ทีเด็ด

คำว่า D.E.D มีที่มานะจ๊ะ เป็นตัวย่อมาจาก Delicious Extraordinary Dough ซึ่งหมายถึงแป้งขนมปังลูกครึ่ง ที่มีส่วนผสมของขนมปังบริยอช กับครัวซองต์ ความพิเศษที่มีเฉพาะที่นี่เท่านั้น ภายในร้านโปร่งโล่ง ตกแต่งแบบสบายๆ มีภาพวาดการ์ตูนน่ารักๆ อยู่ด้วย ที่นั่งมีให้เลือกหลายโซน แต่โซนที่แอดเห็นแล้วต้องรีบเข้าไปจับจองทันทีคือ โซนที่นั่งหมอนสามเหลี่ยม แม้จะนั่งลำบากเพราะใส่กระโปรง แต่แอดก็สู้ เพราะไม่อยากตกเทรนด์กระแส thainess ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ โซนที่นั่งริมหน้าต่างก็มีนะ ใครอยากไปนั่งสวยๆ เหม่อๆ ดูเหงาๆ ก็นั่งได้เลย มุมนี้ถ่ายรูปออกมาสวยไม่เบาเลยล่ะ มาถึงอาหารของเรา เมนูเด็ดของที่ร้าน ก็ต้องไม่พลาดแป้งพายที่เป็นลูกผสมระหว่างขนมปังบริยอชกับขนมปังครัวซองต์ เหมือนที่บอกไปตอนแรก ตัวแป้งทำออกมาในลักษณะของพิซซ่า เมนูแนะนำคือ “เด็ด ผักโขมอบชีส” และ “เด็ด มาซะหมั่น แห้งติดเกาะ” ส่วนเครื่องดื่มจะเป็นอิตาเลียนโซดา ที่มีชื่อเก๋ๆ อย่าง “กลีบกุหลาบแห่งฤดูกาล” (รสกุหลาบ) และ “สีสันแห่งฤดูร้อน” (รสมะม่วง) ซึ่งทำออกมาได้อร่อยชื่นใจ เมนูเด็ดของร้าน อร่อยกลมกล่อม แป้งพายกรอบนอกนุ่มใน เข้ากันได้ดีกับเครื่องโรยหน้าสไตล์ไทยๆ ปิดท้ายกันที่ของหวานแอดบอกเลยว่าไปถึงแล้วห้ามพลาดเมนู “สังขยาซ่อนแอบ”ขนมปังยัดไส้สังขยา ใส่ไส้มาให้เยอะมาก แต่ไม่หวานเลี่ยน อร่อยกำลังพอดี แป้งขนมปังก็นุ่ม อีกเมนูคือ “ซิ้ลกี้ แมงโก้

D.E.D Thailand ร้านนี้มีแต่ทีเด็ด อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวใกล้กรุง 2 วัน 1 คืน ที่ราชบุรี

“เที่ยวใกล้กรุง 2 วัน 1 คืน ที่ราชบุรี” วันแรก เริ่มต้นทริปกันแบบหิวๆ ยามเช้า กับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดราชบุรีที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั่นก็คือ “ตลาดน้ำดำเนินสะดวก” ที่มีความเก่าแก่กว่า 100 ปี  ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก เดินทางมาชม ชอป และชิมของอร่อย รวมทั้งซึมซับบรรยากาศของตลาดน้ำแห่งนี้ ถ้าใครอยากมาเที่ยว ขอแนะนำว่าให้มาช่วงเช้า เนื่องจากแดดไม่ร้อนและมีเรือขายสินค้าจำนวนมาก ที่นี่มีอาหารให้เลือกซื้อ เลือกชิมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กุยช่ายโบราณ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยจั๊บ ข้าวหมูแดง ต่อด้วยขนมไทยนานาชนิดก็มีให้ทาน ไม่ว่าจะเป็น ทองม้วน ทองหยิบ ทองหยอด ขนมเบื้อง ขนมถังแตก แล้วปิดท้ายด้วยผลไม้รสชาติอร่อย เช่น ส้มโอ มะม่วง กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม เป็นต้น ใครที่หิวๆ มา สามารถมาฝากท้องฝากพุงไว้ที่นี่ได้เลย นอกจากนี้ที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ยังมีบริการเรือนำเที่ยวพาชมสวน และการทำน้ำตาลสด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เรือพาย ราคาลำละ 400 บาท เรือหางยาว ราคาคนละ 100 บาท สอบถามข้อมูลได้ที่ ท่าเรือยุวันดา โทร. 032 241 392, 086 668 9471, 089 161 0909 เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 – 12.00 น. (ช่วง 08.00 – 11.00 น. จะมีของขายเยอะ) การเดินทางใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านบางแค สวนสามพราน นครชัยศรี นครปฐม เลยกิโลเมตรที่ 83 ไปเล็กน้อยจะพบแยกบางแพ เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 325 ประมาณ 25 กิโลเมตร ข้ามสะพานธนะรัชต์ไปประมาณ 200 เมตร แล้วแยกขวาเข้าไปอีก 1 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/iVJ2nWB6iiA2 ที่ต่อมา เราพามาเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมกันที่ “พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน” ตั้งอยู่ในวัดขนอน อำเภอโพธาราม เป็นอาคารเรือนไทย ภายในจัดแสดงหนังใหญ่ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์สวยงามจำนวน 313 ตัว โดยส่วนใหญ่เป็นตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์ พิพิธภัณฑ์เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.30 น.นอกจากนี้ทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. จะมีการแสดงหนังใหญ่ ณ โรงละครหนังใหญ่ให้ชมฟรีด้วย  สอบถามข้อมูลได้ที่ โทร. 089 555 4195, 032 234 834 เปลี่ยนแนวมาชมธรรมชาติกันบ้างกับ “อุทยานหินเขางู” เดิมที่นี่เป็นแหล่งระเบิดหินและย่อยหินที่สำคัญของประเทศไทย แต่หลังจากที่ได้มีการยกเลิกสัมปทานและปรับปรุงภูมิทัศน์ ก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นสวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัดราชบุรีไปแล้ว มีจุดให้พักผ่อนหย่อนใจมากมายไม่ว่าจะเป็น สะพานแขวนซึ่งเป็นไฮไลท์ที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปเก๋ๆ หรือจะออกกำลังกายน่องโดยการถีบเรือเป็ด กินลมชมวิวก็ชิลล์ไม่แพ้กัน บริเวณอุทยานหินเขางูยังเป็นที่ตั้งของถ้ำหลายแห่ง ที่สำคัญได้แก่ ถ้ำฤาษี ถ้ำฝาโถ ถ้ำจาม และถ้ำจีน ซึ่งแต่ละถ้ำมีภาพสลักหินที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยทวารวดี นับเป็นร่องรอยศิลปะทวารวดีที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง (ในภาพคือภายในถ้ำฤาษี ซึ่งมีพระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาท ปางแสดงธรรม ประดิษฐานอยู่ตรงกลาง) อุทยานหินเขางู เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น.ไม่เสียค่าเข้าชม การเดินทางจากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 3087 (ราชบุรี-จอมบึง-สวนผึ้ง) ห่างจากตัวเมืองราชบุรีไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 8 กิโลเมตร เมื่อถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวาจากนั้นขับไปประมาณ 1 กิโลเมตร อุทยานหินเขางูจะอยู่ทางซ้ายมือ หรือจากวัดหนองหอย ใช้ทางหลวงหมายเลข 3089 อุทยานหินเขางูจะอยู่ทางขวามือพิกัด https://goo.gl/maps/48ywbyKGNR62 คืนนี้นอนนี่นะ…”ไฮซีน รีสอร์ท” ที่พักบนเนินเขาท่ามกลางขุนเขากับวิวหลักล้าน มองเห็นทิวทัศน์ได้แบบ 360 องศา พักกายพักใจกันในคืนนี้ ชาร์จแบตกันให้เต็มที่ ก่อนที่จะไปลุยกันต่อในวันต่อไป  ที่ตั้ง : 250 หมู่ 2 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี โทร. 084 343 7434พิกัด : https://goo.gl/maps/eJwUq5ovtZo  เช้าวันที่สอง แฮปปี้ดี๊ด๊ากันที่ “The Scenery Vintage Farm” สถานที่ท่องเที่ยวฮอตฮิตในอำเภอสวนผึ้ง รับรองว่าถูกอกถูกใจผู้ที่ชื่นชอบแกะเล็กแกะใหญ่แน่นอน มาได้ทั้งวัยรุ่น วัยเรียน หรือจะมาเป็นครอบครัวก็ยิ่งดี มีกิจกรรมให้ทำมากมายเลยล่ะ.เปิดวันพุธ-จันทร์ (ปิดวันอังคาร)– วันจันทร์ และวันพุธ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 18.00 น.– วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 18.30 น..ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็กสูงไม่ถึง 120 ซม. 30 บาท.ที่ตั้ง : 234 หมู่ 7 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรีโทร. 098 263 1236พิกัด : https://goo.gl/maps/6CKfUtnCQDL2 ถ้าอยากเปลี่ยนอารมณ์จากการชมฟาร์มชมไร่ ให้อาหารแกะ มาทำอะไรสนุกๆ ตื่นเต้น ท้าทาย ที่เดอะ

เที่ยวใกล้กรุง 2 วัน 1 คืน ที่ราชบุรี อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top