อาหารท้องถิ่น

🍌กำแพงเพชร…เมืองกล้วยไข่🍌

หากใครอยากรู้จักกล้วยให้มากขึ้น ต้องเดินทางมาจังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดที่มีชื่อเสียงว่าเป็น #เมืองกล้วยไข่ กล้วยไข่เมืองกำแพงเพชรมีความโดดเด่นที่ผลดก เปลือกสีทอง เนื้อแน่น รสหวาน วันนี้บัดดี้พาเพื่อน ๆ ไปชมสวนกล้วยไข่ลุงแดง เป็นสวนกล้วยไข่ที่ได้รับมาตรฐาน earthsafe และ และมาตรฐาน GI ภายในสวนมีกิจกรรมนั่งรถอีแต๊กข้ามแม่น้ำปิงชมสวนกล้วยไข่ ชำหน่อกล้วยไข่ ลิ้มรสอาหารถิ่นแกงหยวกกล้วยไข่ และขนมเค้กกล้วยไข่ หากเพื่อน ๆ สนใจชมสวนกล้วยไข่แนะนำให้ติดต่อสวนล่วงหน้า ตำบลโกสัมพี อำเภอโกสัมพีนคร จังหวัดกำแพงเพชร 08 2472 0902, 06 1191 4641 เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.https://maps.app.goo.gl/1BH9f7z6NnHK5M9W6

🍌กำแพงเพชร…เมืองกล้วยไข่🍌 อ่านเพิ่มเติม

🌧️7 ที่เที่ยวหน้าฝน สังขละบุรี🌧️

ณ ดินแดนสุดขอบแผ่นดินฝั่งตะวันตกของประเทศไทย มีเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ ณ จุดบรรจบของแม่น้ำสามสายที่ไหลลงสู่เขื่อนวชิราลงกรณ มีชื่อว่า “สามประสบ” ด้วยสภาพ โอบล้อมไปด้วยขุนเขาสูงเสียดฟ้า และมีความงดงามที่รอให้ทุกคนเดินทางไปต้องมนต์ ที่นี่คือ “สังขละบุรี” จังหวัดกาญจนบุรี นอกจากความงดงามทางธรรมชาติแล้ว ด้วยสังขละบุรีเป็นอำเภอที่ตั้งอยู่ติดแนวชายแดนประเทศไทยและเมียนมา จึงมีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว ทั้งคนไทย มอญ กะเหรี่ยง เป็นต้น ก่อให้เกิดวัฒนธรรมอันงดงาม และเป็นเอกลักษณ์จนดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกสารทิศให้เข้าไปสัมผัสมาอย่างยาวนาน วันนี้ จึงจะขอแนะนำ 7 สถานที่ท่องเที่ยวหน้าฝนของอำเภอสังขละบุรีให้ทุกคนได้ออกเดินทางตามไปเที่ยวกัน ณ ดินแดนสุดขอบแผ่นดินฝั่งตะวันตกของประเทศไทย มีเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ ณ จุดบรรจบของแม่น้ำสามสายที่ไหลลงสู่เขื่อนวชิราลงกรณ มีชื่อว่า “สามประสบ” ด้วยสภาพ โอบล้อมไปด้วยขุนเขาสูงเสียดฟ้า และมีความงดงามที่รอให้ทุกคนเดินทางไปต้องมนต์ ที่นี่คือ “สังขละบุรี” จังหวัดกาญจนบุรี นอกจากความงดงามทางธรรมชาติแล้ว ด้วยสังขละบุรีเป็นอำเภอที่ตั้งอยู่ติดแนวชายแดนประเทศไทยและเมียนมา จึงมีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว ทั้งคนไทย มอญ กะเหรี่ยง เป็นต้น ก่อให้เกิดวัฒนธรรมอันงดงาม และเป็นเอกลักษณ์จนดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกสารทิศให้เข้าไปสัมผัสมาอย่างยาวนาน วันนี้ จึงจะขอแนะนำ 7 สถานที่ท่องเที่ยวหน้าฝนของอำเภอสังขละบุรีให้ทุกคนได้ออกเดินทางตามไปเที่ยวกัน 1.สะพานอุตตมานุสรณ์ รู้จักกันเป็นอย่างดีในชื่อ “สะพานมอญ” แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นสัญลักษณ์ของอำเภอสังขละบุรี เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และยาวเป็นอันดับสองของโลก รองจากสะพานไม้อูเบ็งในประเทศเมียนมา เกิดจากดำริของหลวงพ่ออุตตมะที่ต้องการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำซองกาเลียให้ชาวบ้านทั้งสองฝั่งสามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวก และในปัจจุบันได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของสังขละบุรี 🌥️ ช่วงเวลาที่เหมาะสมแนะนำให้เดินทางไปเที่ยวชมในช่วงเช้า ที่เชิงสะพานทั้งสองฝั่งจะมีการตักบาตรที่นักท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมได้ รวมถึงสามารถเช่าชุดมอญใส่ถ่ายภาพคู่กับเด็ก ๆ ชาวมอญได้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปสะพานมอญในช่วงวันที่ 20 กรกฎาคม ถึง 31 สิงหาคม 2566 ยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรม Amazing Thailand NFTs Season 3 โดยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน YAKS แล้วเช็กอินรับภาพศิลปะ NFTs สะพานมอญ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 40 สถานที่ท่องเที่ยวในโครงการ เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมายได้อีกด้วย พิกัด📍 จุดจอดรถฝั่งสังขละบุรี https://goo.gl/maps/D9WJVwPJKAtFCH1u6📍 จุดจอดรถฝั่งชุมชนมอญ https://goo.gl/maps/2BDTJRZypo2r9L6CA📍 จุดจอดรถเอกชน ฝั่งชุมชนมอญ (ค่าบริการ 30 บาท) https://goo.gl/maps/9ZwETGLug3s1aVbr9 เป็นสถานที่เก็บรักษาสังขารของหลวงพ่ออุตตมะ พระสงฆ์อันเป็นที่เคารพศรัทธาของผู้คนในพื้นที่ และยังมีวิหารพระหินอ่อนที่ประดิษฐานหลวงพ่อขาว พระพุทธรูปหินอ่อนที่มีพุทธลักษณะงดงาม ใครที่เดินทางไปถึงสังขละบุรีแล้ว วัดแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ต้องมา 📍 พิกัด https://goo.gl/maps/W4ZWaBNMHGD6k5dF8 ยังอยูในพื้นที่ของวัดวังก์วิเวการาม เจดีย์พุทธคยา เป็นเจดีย์สีทองอร่ามที่สร้างตามแบบของพุทธคยาจากประเทศอินเดีย ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ชาวสังขละบุรีให้ความเคารพศรัทธา ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่หลวงพ่ออุตตมะอัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกาเพื่อให้ชาวไทยได้สักการบูชา และเป็นสถานที่จัดงานประเพณีสำคัญ ๆ อาทิ สงกรานต์มอญสังขละบุรี 📍 พิกัด https://goo.gl/maps/SafprafZWXkpAuWGA ณ ยอดเขาภายในวัดวังก์วิเวการาม มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้จากทั่วทุกมุมของตัวเมืองสังขละบุรี พระพุทธรูปที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างองค์นี้เป็นการสืบทอดเจตนารมณ์หลวงพ่ออุตตมะที่อยากจะสร้างพระใหญ่ขึ้นมา พระพุทธรูปมีความสูงถึง 37 เมตร แม้ว่าขณะนี้องค์พระจะยังสร้างไม่แล้วเสร็จ แต่ด้วยที่ตั้งที่อยู่บนยอดเขาสูงสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองสังขละบุรีได้อย่างงดงาม จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องไปเยือน ⏰ เวลาเปิด-ปิดประตูทางขึ้นจะเปิดเวลา 06.00-18.00 น. 🌥️ช่วงเวลาที่เหมาะสมแนะนำให้เดินทางขึ้นไปชมในช่วงเช้าเพราะจะมีโอกาสเจอหมอกฝนสวย ๆ ที่ลอยปกคลุมทั่วบริเวณ 📍 พิกัด https://goo.gl/maps/iDnxSphY6dwiunJG7 สังขละบุรีที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นไม่ใช้ที่ตั้งดั้งเดิม แต่เป็นที่ตั้งของชุมชนใหม่ที่ย้ายถิ่นฐานจากการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ หรือเขื่อนเขาแหลมเมื่อหลายสิบปีก่อน ชุมชนเดิมจึงถูกน้ำท่วมจนหมด มีสิ่งก่อสร้างไม่กี่แห่งที่ยังคงหลงเหลือมาถึงทุกวันนี้ และเรายังสามารถนั่งเรือออกไปชมความสวยงามได้อีกด้วย 🌥️ ช่วงเวลาที่เหมาะสมแนะนำให้ล่องเรือช่วงเช้าหรือบ่ายแก่ ๆ เพราะอากาศจะไม่ร้อนเกินไป 📍 พิกัดจุดขึ้นเรือท่องเที่ยวตั้งอยู่บริเวณหัวสะพานมอญทั้ง 2 ฝั่ง มีป้ายบอกราคาชัดเจน สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม โดยเป็นราคาสำหรับเรือ 1 ลำ รองรับผู้โดยสาร 1-6 คน เส้นทางล่องเรือชมวัดจมน้ำ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ต้องทำเมื่อเดินทางมาที่สังขละบุรี หากเลือกท่องเที่ยวแบบเต็มรอบจะใช้เวลาประมาณครึ่งวัน แต่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกสถานที่และเส้นทางได้ตามความเหมาะสม แต่สถานที่ในเส้นทางล่องเรือที่จะมาแนะนำในวันนี้มีอยู่ 3 แห่ง คือ วัดวังก์วิเวการามเก่า หรือที่รู้จักในชื่อวัดจมน้ำ ที่นอกจากสะพานมอญแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญที่นักท่องเที่ยวนึกถึง วัดแห่งนี้จะจมอยู่ในน้ำในช่วงที่ระดับน้ำในเขื่อนสูงขึ้นในช่วงกลางถึงปลายฤดูฝน และเมื่อระดับน้ำลดลงในฤดูแล้งก็จะสามารถลงจากเรือเดินเที่ยวชมได้ วัดศรีสุวรรณเก่า ด้วยที่ตั้งที่อยู่ต่ำกว่าวัดวังก์วิเวการามเก่า ทำให้อุโบสถของวัดแห่งนี้จะจมอยู่ในน้ำเกือบตลอดเวลา นักท่องเที่ยวสามารถชมความงดงามได้จากบนเรือ ซึ่งจะได้ภาพของเงาที่สะท้อนบนผิวหน้าอย่างสวยงาม วัดสมเด็จเก่า เป็นวัดเก่าหนึ่งเดียวที่ไม่จมอยู่ใต้น้ำ เพราะตั้งอยู่บนเนินเขา แต่เมื่อตัวเมืองสังขละเดิมย้ายออกไป วัดแห่งนี้จึงถูกทิ้งร้างตามไปด้วย สำหรับจุดเด่นของวัดแห่งนี้คืออุโบสถปรกโพธิ์ที่ภายในได้รับการทำนุบำรุงให้มีความสะอาดสวยงาม ไม่ไกลจากตัวอำเภอสังขละบุรี มีด่านพรมแดนไทย-พม่าที่มีสำคัญมายาวนานคู่กับประวัติศาสตร์ชาติไทย นั่นคือด่านเจดีย์สามองค์ เจดีย์ขนาดเล็ก 3 องค์ที่ตั้งเรียงกันอยู่ใกล้ ๆ กับจุดข้ามแดน ถึงแม้ว่าจะยังหาข้อสรุปที่แน่ชัดถึงที่มาของเจดีย์ทั้ง 3 องค์นี้ แต่ด้วยความสำคัญตามที่กล่าวไป จึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องแวะมาเยือน 📍 พิกัด (ลานจอดรถ) https://goo.gl/maps/JZ7WjkYM93YtzNzo6 มาถึงถิ่นสังขละบุรี ต้องมาลองอาหารถิ่นชาวมอญ โดยเฉพาะในตอนเช้า หลังจากตักบาตรบริเวณถนนเชิงสะพานมอญเสร็จ (ฝั่งชุมชนมอญ) จะมีร้านอาหารพื้นบ้านเปิดให้บริการหลายร้าน เลือกได้ตามสะดวกโดยมีเมนูแนะนำนั้นมีหลายอย่าง เช่นโจ๊กมอญ แกงฮังเลแบบมอญ ขนมจีนน้ำยาหยวกกล้วย เป็นต้น รสชาติถูกปากมากทีเดียว 📍 พิกัด เชิงสะพานอุตตมานุสรณ์ ฝั่งชุมชนมอญ https://goo.gl/maps/XqpHzTNWwvGffez78

🌧️7 ที่เที่ยวหน้าฝน สังขละบุรี🌧️ อ่านเพิ่มเติม

มัดรวมฟาร์มสเตย์ 🐓ท่องเที่ยวแนวใหม่ใกล้ชิดธรรมชาติ 🏨

หากใครกำลังเล็งหาสถานที่ท่องเที่ยวแนวรักษ์โลก บัดดี้อยากให้ลองเปิดประสบการณ์ใหม่ เที่ยว ฟาร์มสเตย์ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมกิจกรรมที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด 🍃 บัดดี้ขอชี้พิกัด 6 ฟาร์มสเตย์ น่าเที่ยวทั่วไทย หัวใจสีเขียว📌 บ้านเกอลิโกล จ.เชียงใหม่📌 บ้านโคกไคร จ.พังงา📌บ้านสวนเส จ.ชัยภูมิ📌 ไออุ่นขุนเขา จ.ราชบุรี📌 Bamboo Pink House บ้านผาหมอน จ.เชียงใหม่📌 MEKIN FARM จ.ขอนแก่น การไปเที่ยวสัมผัสธรรมชาติ นอนโฮมสเตย์ ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด เพราะมีกิจกรรมดี ๆ น่าทำแตกต่างกันไปในแต่ละที่ รวมถึงมีข้อดี ที่ดีต่อใจมาก ๆ อีกด้วย เช่น 📌 บ้านเกอลิโกล จ.เชียงใหม่ – ชวนสัมผัสอากาศหนาวกับบ้านไม้ไผ่กลางหุบเขา โอบล้อมไปด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น ทานอาหารพื้นบ้านแสนอร่อย พอตกเย็นอากาศหนาวหมอกลง ชวนนั่งปิกนิกข้างกองไฟ ในยามเช้านั่งชมบรรยากาศสดชื่นของธรรมชาติ ที่หน้าระเบียงบ้าน 📌 บ้านโคกไคร จ.พังงา – หมู่บ้านริมทะเลที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน ชิมอาหารทะเลที่ชาวประมงหามาเอง เช่น ปลาตัวใหญ่ ๆ นำมาปรุงอาหารอร่อย ๆ ให้เราได้ชิม มีกิจกรรมสปาโคลนแสนผ่อนคลายกับน้ำทะเลอุ่น ทรายร้อน บรรยากาศเงียบสงบ มองออกไปไกล ๆ ขอบทะเลมีภูเขาลูกเล็ก ๆ มากมายเรียงรายสลับกันอยู่ 📌บ้านสวนเส จ.ชัยภูมิ – ฟาร์มสเตย์สวนผักแบบผสมผสาน สนุกกับกิจกรรมปั่นจักรยานชมสวน เก็บไข่ในเล้ามาทำอาหาร ลงนาปลูกข้าว ใช้ชีวิตแบบพอเพียง 📌 ไออุ่นขุนเขา จ.ราชบุรี – มาสร้างสุขภาพดีที่ฟาร์มออร์แกนิก มีผักแทบทุกชนิดไม่ต้องซื้อ สามารถเก็บในสวนมาทำกินได้เลย บรรยากาศเงียบสงบ จำลองการเป็นชาวสวนย่อม ๆ ปลูกผัก เก็บไข่ และได้รับออกซิเจนจากภูเขารอบข้าง 📌 Bamboo Pink House บ้านผาหมอน จ.เชียงใหม่ – ขึ้นดอยชมนาขั้นบันไดสีเขียว เต็มไปด้วยความงามของต้นกล้า เรียนรู้วิถีชาวบ้าน แนะนำให้นอนโฮมสเตย์บนดอย เปิดหน้าต่างรับแสงอาทิตย์หลังเขาสุดโรแมนติก 📌 MEKIN FARM จ.ขอนแก่น – สวนเล็กแสนธรรมดากับความสุขในการทำเกษตรอินทรีย์ ลองนอนกระท่อมปลายนา ท่ามกลางธรรมชาติที่น่าพักผ่อน ชิมอาหารพื้นบ้านที่อร่อยอย่าบอกใคร

มัดรวมฟาร์มสเตย์ 🐓ท่องเที่ยวแนวใหม่ใกล้ชิดธรรมชาติ 🏨 อ่านเพิ่มเติม

✨เชียงคาน : เลย✨

การเดินทางครั้งนี้ บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวชม เชียงคาน จังหวัดเลย จังหวัดที่ใคร ๆ ก็บอกว่าต้องมาหน้าหนาว เพราะบรรยากาศจะดีมาก ๆ ซึ่งความจริงแล้วจังหวัดเลย เป็นจังหวัดที่มีสภาพอากาศค่อนข้างเย็นตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีต้นไม้ ทิวเขาน้อยใหญ่อยู่ทั่วไปทั้งจังหวัด รอบ ๆ คงมีแต่สีเขียวตลอดสองข้างทาง เผลอ ๆ หากฝนตก อาจจะมีหมอกให้ชมกันบ้าง ว่าแล้วก็ไปชมกันเลย 💚 ทริปนี้ บัดดี้ตั้งใจมาพักที่เชียงคาน 2 คืน เพราะอยากมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น และไม่ต้องรีบเที่ยวจนเกินไป จึงเลือกเดินทางโดยเครื่องบินจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ลงที่ท่าอากาศยานเลย ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงนิด ๆ จากนั้น เช่ารถขับจากสนามบินมุ่งหน้าไปอำเภอเชียงคาน เดินทางอีก 1 ชั่วโมง โดยหมุดหมายของวันแรก อยู่ที่ถนนคนเดินเชียงคาน ส่วนเพื่อน ๆ ที่ต้องการเดินทางด้วยวิธีอื่น ๆ สามารถเดินทางได้ดังนี้  จากท่าอากาศยานเลย สามารถใช้บริการแท็กซี่หรือรถสามล้อไปที่ บขส. แล้วขึ้นรถบัสของนครชัยขนส่ง เพื่อเดินทางไปอำเภอเชียงคาน ใช้เวลาเดินทางราว ๆ 40 นาที (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นครชัยขนส่ง สำนักงานเลย โทร. 0 4286 2036) และอีกวิธีคือนั่งรถสองแถวจาก บขส. ไปอำเภอเชียงคาน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วเดินทางท่องเที่ยวในอำเภอเชียงคานด้วยรถสามล้อได้เลย หลัก ๆ รถจะจอดอยู่ที่บริเวณวัดท่าคก มีบริการแบบแพ็กเกจด้วยนะ  นอกจากนี้ เพื่อน ๆ ยังสามารถนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพฯ มาถึงอำเภอเชียงคานได้เลยเช่นกัน โดยสามารถขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 มีหลายบริษัทให้เลือก นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเชียงคานส่วนใหญ่ นิยมมาพักค้างแรมบริเวณถนนคนเดินเชียงคาน เพราะมีที่พักให้บริการจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นที่พักเล็ก ๆ ห้องพักไม่เยอะ และยังมีบรรยากาศดี ใกล้แหล่งของกิน เดินทางสะดวกด้วย แต่แนะนำให้จองล่วงหน้านะ เพราะที่พักจะเต็มเร็ว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลและช่วงหยุดยาว เริ่มต้นทริปในเช้าวันถัดมา ก่อนจะไปเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ บัดดี้จะพามาชมความคลาสสิกย่านถนนคนเดินเชียงคานยามเช้า อิ่มอร่อยด้วยอาหารถิ่นอีสาน และใส่บาตรข้าวเหนียว กิจกรรมดี ๆ ที่นักท่องเที่ยวนิยมตื่นมาทำบุญกัน บริเวณนี้ก็จะมีชุดใส่บาตรขายด้วยนะ เวลาที่พระสงฆ์ออกบิณฑบาต ไม่มีเวลาที่แน่นอน โดยส่วนมากท่านจะมาในช่วงรุ่งสาง หากเป็นช่วงหน้าหนาวก็จะออกมาช้ากว่าเวลาปกติเล็กน้อย อย่างที่บอกไปว่าที่นี่มีอากาศค่อนข้างเย็นตลอดทั้งปี ตื่นเช้ามาแบบนี้ก็อยากกินอะไรร้อน ๆ เสริมภูมิให้ร่างกาย เติมพลังก่อนไปเที่ยว ที่ถนนคนเดินเชียงคาน มีร้านขายอาหารตอนเช้าหลายร้าน เช่น ข้าวเปียกเส้น ไข่กระทะ โจ๊ก เป็นต้น เอาล่ะ อิ่มอร่อยกับอาหารเช้ากันแล้ว ไปเที่ยวกันต่อ พาเพื่อน ๆ มาชมทัศนียภาพมุมสูงที่ภูทอก ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีโทรคมนาคมเชียงคาน อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่สามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก และสามารถชมทะเลหมอกที่สวยอีกแห่งในเชียงคาน ที่สำคัญ สามารถมองเห็นวิวเขา แม่น้ำโขง และแก่งคุดคู้ได้อีกด้วย มาเที่ยวบนภูทอกบอกเลยว่าคุ้มแน่นอน ขึ้นภูทอก เบิ่งแก่งคุดคู้และแม่น้ำโขงได้แบบนี้เลย เส้นทางขึ้นไปบนภูทอกนั้นค่อนข้างแคบและชัน ทางสถานที่จึงไม่อนุญาตให้นำรถขึ้นไปเอง ให้ใช้บริการรถของสถานที่โดยมีเจ้าหน้าที่ขับขึ้นไปยังภูทอก เพื่อน ๆ สามารถนำรถยนต์จอดไว้ที่ลานจอดด้านล่าง รถจะวิ่งเวียนมารับมาส่งคนอยู่เรื่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ หากไม่มีรถจอดคอยอยู่ด้านบนภูทอก สามารถโทรให้เจ้าหน้าที่นำรถขึ้นมารับได้ มีป้ายที่ระบุเบอร์โทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ติดไว้  ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เปิดเวลา 05.00-18.00 น. อัตราค่าบริการรถขึ้นภูทอกคนละ 40 บาท ค่าบำรุงสถานที่จอดรถคันละ 20 บาท 08 7858 3681https://goo.gl/maps/DWPTsncZuDnqEhzr5 แวะสักการะรอยพระพุทธบาทที่วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน อยู่ห่างออกไปจากภูทอกประมาณ 10 กม. วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่หลายร้อยปี นับว่าเป็นวัดที่เก่าที่สุดในเชียงคานเลยก็ว่าได้ ในอดีตวัดพระพุทธบาทภูควายเงินเป็นวัดร้าง แต่มักจะมีพระธุดงค์เดินทางมาปักกลดบำเพ็ญเพียรอยู่เสมอ ที่สำคัญ ในบริเวณวัดยังมีรอยพระพุทธบาทปรากฏอยู่ภายใต้ซุ้มอิฐใหญ่ ในภาษาถิ่นจะเรียกสิ่งปลูกสร้างลักษณะนี้ว่า “อุบมุง” และกลายเป็นชื่อหมู่บ้านทางทิศตะวันออกของวัดคือ “บ้านอุมุง” ซึ่งเพี้ยนมาจากคำว่าอุบมุ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าอีกด้วยว่าที่บ้านอุมุง มีชาวนาคนหนึ่ง มักจะพาควายขึ้นมากินหญ้าบนภูเขาบริเวณวัด และเมื่อพระธุดงค์ผ่านมา ชาวนาผู้นี้ก็จะนำเอาอาหารมาถวายแก่พระธุดงค์เป็นประจำ ด้วยอานิสงส์แห่งการถวายทานนี้ ทำให้ชาวนาสามารถทำนาและขายข้าวได้เงินทุกปีจนร่ำรวย และเจ้าควายที่ช่วยไถนาปลูกข้าวอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ชาวนาจึงเรียกควายตัวนี้ว่า “ควายเงิน” และนั่นก็เป็นที่มาของชื่อวัดพระพุทธบาทภูควายเงินแห่งนี้ ภายในวัดพระพุทธบาทภูควายเงิน ยังเลี้ยงกระต่ายอีกจำนวนมาก เพื่อน ๆ สามารถให้อาหารน้อง ๆ กันได้ ค่าอาหารกระต่ายถุงละ 10 บาท ชื่นชมความน่ารักของน้อง ๆ กันได้ แต่อย่าจับนะ  ตำบลบุฮม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.https://goo.gl/maps/2KyMNJWW9AbX2dgb7 ระหว่างรอเวลาใกล้ค่ำ บัดดี้กลับมาเดินเล่นชมถนนคนเดินเชียงคาน และถนนเลียบแม่น้ำโขงเล่นชิล ๆ อีกรอบ หรือถ้าหากที่พักของใครมีจักรยานให้บริการ ก็สามารถยืมมาปั่นเล่นชมรอบ ๆ ได้ ชมบ้านเรือนสุดคลาสสิกที่ตั้งเรียงสองข้างทาง ใครเมื่อย ๆ แวะร้านนวดแผนไทยเพื่อพักผ่อนคลายเมื่อยกันได้ มีให้บริการหลายแห่ง แม่ ๆ ที่นี่นวดเก่งมาก ระหว่างเดินเที่ยวบนถนนชายโขงไปเรื่อย ๆ บัดดี้เดินมาเจอกระทงชนิดหนึ่ง เรียกว่า “ผาสาด” เป็นทรงสี่เหลี่ยม ทำจากกาบกล้วย ประดับกรวยใบตอง ดอกไม้ที่ทำจากขี้ผึ้ง ใช้ในการประกอบพิธี “ผาสาดลอยเคราะห์” พิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมเก่าแก่ นิยมทำในช่วงเทศกาลงานบุญ โดยเฉพาะในช่วงวันออกพรรษาของทุก ๆ ปี เป็นความเชื่อของที่นี่ตั้งแต่โบราณว่า หากใครที่พบเจอเรื่องไม่ดี เจ็บไข้ได้ป่วย หรือประสบเคราะห์ร้าย จะนำผาสาดไปลอยในแม่น้ำโขง เพื่อลอยสิ่งไม่ดีทิ้งไป และห้ามหันไปมองผาสาด เพราะจะถือว่าเป็นการอาลัยอาวรณ์กับทุกข์โศก และเคราะห์กรรม การมาเชียงคานในครั้งนี้ นอกจากจะได้ชมความงามของธรรมชาติและชุมชนน่ารัก ๆ แล้ว ยังได้รู้จักและเห็นวิถีชีวิตของที่นี่มากขึ้นด้วย ถนนคนเดินเชียงคาน

✨เชียงคาน : เลย✨ อ่านเพิ่มเติม

✨อุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย – ศรีสัชนาลัย✨

ใกล้วันหยุดยาวแบบนี้ บัดดี้มีเส้นทางท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืนที่สุโขทัยมาแนะนำซึ่งขอบอกเลยว่าได้ทั้งความสนุก ได้ความรู้ แถมยังได้รูปสวยๆ ไปอวดเพื่อน ๆ อีกเพียบแน่นอน ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองชวนเพื่อนๆ ชวนครอบครัว หรือชวนคนรู้ใจ ไปเที่ยวตามบัดดี้ดูสิ 😘 วันที่ 11. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย– วัดมหาธาตุ– วัดสระศรี– วัดศรีชุม2. ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เจ๊แฮ3. ศูนย์การเรียนรู้บ้านพระพิมพ์ หรือ บ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์ วันที่ 24. วัดตระพังทอง5. อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย– วัดเจดีย์เจ็ดแถว– วัดนางพญา– วัดช้างล้อม6. ข้าวเปิ๊บยายเครื่อง  เราเริ่มกันที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ที่เต็มไปด้วยร่องรอยอดีตและความงดงามของโบราณสถานแห่งสุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์สมัยเริ่มสร้างอาณาจักรของไทยที่ยังหลงเหลืออยู่ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อ ปี พ.ศ. 2534  โบราณสถานสำคัญที่อยู่ในอุทยานฯ ชั้นในมีอยู่หลายแห่ง แต่บัดดี้จะพาไปชมจุดหลัก ๆ ที่ต้องห้ามพลาดกัน โดยที่แรกก็คือ วัดมหาธาตุ สร้างขึ้นสมัยสุโขทัยตอนต้น ตั้งอยู่บริเวณกลางเมืองสุโขทัย จุดเด่นอยู่ที่เจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูม ซึ่งเป็นเจดีย์ประธานของวัด รายรอบด้วยเจดีย์ 8 องค์  ใกล้กับเจดีย์ประธานมีวิหารขนาดใหญ่ก่อด้วยศิลาแลง มีแท่นซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ พระศรีศากยมุนี ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในโบสถ์วัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพฯ ด้านเหนือและด้านใต้ของเจดีย์มหาธาตุ มีพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่อยู่ภายในซุ้ม เรียกว่า “พระอัฎฐารส”  วัดสระศรี เป็นโบราณสถานสำคัญซึ่งตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า “ตระพังตระกวน” สิ่งที่น่าชมในวัดนี้คือ “เจดีย์ประธานทรงลังกา” ด้านหน้าเจดีย์มีวิหารขนาดใหญ่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ทางทิศใต้ของเจดีย์ประธาน มีเจดีย์ศิลปะศรีวิชัยผสมลังกาขนาดเล็ก มีซุ้มพระพุทธรูป 4 ทิศ ส่วนด้านหน้าของวิหารเป็นเกาะกลางน้ำขนาดย่อมซึ่งเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถขนาดเล็ก ถือว่าเป็นวัดที่มีจุดชมทัศนียภาพสวยงามมากแห่งหนึ่ง ถัดออกไปไม่ไกลทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือนอกกำแพงเมืองสุโขทัย ไปเที่ยวชมกันต่อที่ วัดศรีชุม เป็นโบราณสถานที่สำคัญและโดดเด่นแห่งหนึ่งในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย คำว่า “ศรี” หมายถึง ต้นโพธิ์ ดังนั้นชื่อ “ศรีชุม” จึงหมายถึง ดงของต้นโพธิ์ นั่นเอง วัดศรีชุมได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ในปี พ.ศ.2495 หลังถูกทิ้งร้างมานาน โดยเริ่มจากการบูรณะพระอจนะ ตามด้วยส่วนอื่น ๆ ของวัด จนเป็นอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ภายในมณฑป ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ นามว่า “พระอจนะ” มาจากคำในภาษาบาลีว่า “อจละ” ซึ่งแปลว่า “ผู้ไม่หวั่นไหว มั่นคง” หรือ “ผู้ที่ควรแก่การเคารพกราบไหว้” ด้วยความที่พระอจนะเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ในมณฑปขนาดเล็ก ทำให้การถ่ายภาพที่นี่ถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่งว่าจะถ่ายภาพอย่างไรให้สวย  ผนังมณฑปมีความพิเศษ คือก่อเป็น 2 ชั้น และมีเป็นทางเดินขึ้นไปด้านบน ซึ่งสามารถขึ้นไปยังบริเวณด้านหลังพระเศียรของพระอจนะได้ จุดนี้เองที่เป็นที่มาของตำนานพระพูดได้แห่งเมืองพระร่วง เมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกทัพไปปราบเมืองสวรรคโลก ได้ทรงแวะพักที่วัดนี้ และได้ให้ทหารปีนขึ้นไปพูดเรียกขวัญกำลังใจแก่เหล่าทหารอยู่ทางด้านหลังขององค์พระ ทำให้ทหารเชื่อว่าพระอจนะพูดได้ จึงเกิดความเลื่อมใสและรู้สึกฮึกเหิมที่จะต่อสู้ จนได้รับชัยชนะในที่สุด  ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ปิดทางเข้าอุโมงค์นี้แล้วเพื่อความปลอดภัย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยแบ่งการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมออกเป็น 3 เขต คือ1. เขตอุทยานฯ ชั้นใน (ที่มีวัดมหาธาตุ) **ไม่อนุญาตให้นำรถเข้าไป แต่สามารถใช้บริการรถราง เช่าจักรยาน หรือรถกอล์ฟได้**2. เขตทิศเหนือ (วัดศรีชุม และวัดพระพายหลวง)3. เขตอรัญญิก (วัดสะพานหิน ฯลฯ)  อัตราค่าเข้าชม : ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท ค่าธรรมเนียมยานพาหนะ– รถยนต์ 50 บาท– รถจักรยานยนต์ 20 บาท– รถจักรยาน 10 บาท อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น. 0 5569 7241https://goo.gl/maps/zUHC1mKjAKcJDToe6 หลังจากเที่ยวกันรัว ๆ เราแวะไปเติมพลังกันที่ “ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เจ๊แฮ” ร้านนี้โดดเด่นด้วยเส้นบะหมี่ที่ทำเอง สีเหลืองทองน่าทาน มีความเหนียวนุ่ม ทำสดใหม่ทุกวัน เราสั่งก๋วยเตี๋ยวต้มยำมาทานกัน รสชาติอร่อยทีเดียว น้ำซุปกลมกล่อม เครื่องแน่นจัดเต็ม อิ่มกันแบบจุก ๆ ไปเลย ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เจ๊แฮต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.สุโขทัยเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-16.00 น. 0 5561 1901https://goo.gl/maps/x8ECActqs272 จากนั้น บัดดี้จะพาเดินทางไป “ศูนย์การเรียนรู้บ้านพระพิมพ์ จ.สุโขทัย” ที่ให้เราได้ทดลองทำพระพิมพ์ด้วยตนเอง ศูนย์การเรียนรู้บ้านพระพิมพ์ หรือ บ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2550 โดยมีที่มาจากการรวบรวมพระพิมพ์ที่ค้นพบจากเมืองเก่าสุโขทัยและศรีสัชนาลัย รวมทั้งประวัติของพระพิมพ์ เพื่อให้เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์และประวัติศาสตร์ศิลปะของเมืองสุโขทัย นอกจากได้เรียนรู้เรื่องพระพิมพ์แล้ว ที่นี่ยังสอนการทำพระพิมพ์ให้แก่ผู้ที่สนใจอีกด้วย ซึ่งการทำพระพิมพ์นั้น พี่กบ ณรงค์ชัย โตอินทร์ ผู้ก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ จะลงมือสอนด้วยตัวเอง รวมทั้งให้เกร็ดความรู้ต่าง ๆ ด้วย และนี่ก็คือ พระพิมพ์ฝีมือของเราเอง  ซึ่งหลังจากทำเสร็จแล้ว จะต้องนำพระไปตากให้แห้งเพื่อรอการเผา ซึ่งจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 วัน เมื่อเผาเสร็จแล้วพี่กบก็จะส่งไปให้เราทางไปรษณีย์ทีหลัง ถ้าเพื่อน ๆ สนใจอยากเรียนรู้การทำพระพิมพ์ สามารถติดต่อพี่กบ (คุณณรงค์ชัย โตอินทร์) หรือพี่แก้ม (คุณญาณภัทร์ โตอินทร์) ได้เลย โดยติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน พี่ ๆ จะได้เตรียมอุปกรณ์ไว้ให้เราได้อย่างครบถ้วน ศูนย์การเรียนรู้บ้านพระพิมพ์เมืองสุโขทัย (บ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์)ค่าทำกิจกรรมพิมพ์พระ คนละ 250 บาท ศูนย์การเรียนรู้บ้านพระพิมพ์ 51/7 ม.8 บ้านเชตุพน ต.เมืองเก่า อ.เมือง

✨อุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย – ศรีสัชนาลัย✨ อ่านเพิ่มเติม

✨วิถีริมน้ำ อุทัยธานี✨

ใกล้วันหยุดยาว เราเลยอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักจังหวัดเล็กๆ ที่เงียบสงบ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว ที่ “อุทัยธานี” 🫶✨ อุทัยธานี มีแม่น้ำสะแกกรังไหลผ่าน ผู้คนที่นี่มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ผูกพันกับแม่น้ำแห่งนี้มาตั้งแต่ครั้งอดีตจะเห็นได้จากวัฒนธรรมการตักบาตรริมน้ำ🥰 ชุมชนชาวแพแห่งสุดท้ายในไทย ที่ยังคงอาศัยอยู่ในเรือนแพที่ตั้งเรียงรายอยู่สองฝั่งของแม่น้ำ ชาวบ้านยังคงประกอบอาชีพจับปลาและเลี้ยงปลาในกระชัง บ้างก็ใช้เรือพายสัญจรในแม่น้ำแทนการใช้ถนน เรียกได้ว่า สะแกกรัง ยังคงเป็นแม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงชาวอุทัยธานี เริ่มต้นวันพักผ่อน ๆ ดี ๆ ด้วยการตักบาตร แต่ที่นี่พิเศษกว่าที่ไหน ๆ เพราะที่อุทัยเขาตักบาตรกันริมน้ำ โดยทุก ๆ เจ็ดโมงเช้า พระสงฆ์ 2 รูปจากวัดอุโปสถาราม (วัดโบสถ์) จะพายเรือมายังลานสะแกกรัง ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัด เพื่อรับบิณฑบาตจากชาวบ้าน จนกลายเป็นวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดอุทัยธานี เพื่อน ๆ สามารถหาซื้อของตักบาตรได้จากตลาดสดเทศบาลอุทัยธานี ซึ่งอยู่ติดกับลานสะแกกรัง ตักบาตรเสร็จแล้ว เราอยากพาเพื่อน ๆ มาล่องเรือชมความงามของสองฝั่งแม่น้ำสะแกกรัง สามารถขึ้นเรือได้ทั้งฝั่งลานสะแกกรัง หรือท่าวัดโบสถ์ เรือแล่นไปอย่างช้า ๆ เพื่อให้เราได้สัมผัสบรรยากาศของแม่น้ำสะแกกรังได้อย่างเต็มที่ เรือนแพทุกหลังของที่นี่มีทะเบียนถูกต้อง ปัจจุบันลดจำนวนลงจนเหลือเพียง 100 กว่าหลัง บางหลังปรับเปลี่ยนเป็นโฮมสเตย์รองรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสประสบการณ์การนอนบนแพ เราจะยังคงเห็นชาวแพจับปลาในแม่น้ำ และเลี้ยงปลาในกระชัง โดยปลาส่วนใหญ่ของที่นี่มีทั้งปลาเทโพ ปลาสวาย และปลาแรด ซึ่งถ้าหากได้มาอุทัยธานีแล้วเราอยากให้ลองกินปลาแรด ของขึ้นชื่อของอุทัยธานี ที่มีนิยามประจำตัวว่า “เกล็ดหนา หน้างุ้ม เนื้อนุ่ม แน่นหวาน” นอกจากนี้ยังมีการปลูกเตยหอม และพืชผักอื่น ๆ เรือพาเราแล่นมาเรื่อย ๆ จนถึงแพป้าแต๋ว แพขายปลาย่างที่นำปลาที่ได้จากแม่น้ำสะแกกรัง มาย่างรมควัน สามารถนำไปทำอาหารได้หลายอย่าง ทั้งน้ำพริก ต้มโคล้ง หรือจะทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ก็อร่อย นอกจากนี้ยังมีปลาร้า ปลาส้ม ที่รสชาติดีไม่แพ้กัน กลิ่นหอมของปลาย่างที่ลอยไปทั่วคุ้งน้ำ ทำให้รู้ทันทีว่าที่นี่จะมีของอร่อยให้เราได้ชิมและซื้อติดไม้ติดมือกลับไปแน่นอน

✨วิถีริมน้ำ อุทัยธานี✨ อ่านเพิ่มเติม

🌳ทุเรียนหลงลับแล 🌳

หลงลับแล ชื่อของทุเรียนสายพันธุ์นี้อาจจะแปลกหูสำหรับคนที่ไม่ใช่สาวกทุเรียนตัวจริง 😁 แต่หากใครที่ชื่นชอบการกินทุเรียนเป็นชีวิตจิตใจแล้ว บัดดี้เชื่อว่า หลงลับแล ต้องเป็นทุเรียนที่ติดอันดับต้น ๆ ในใจของใครหลายคน 🫶 👉 หลงลับแล เป็นทุเรียนสายพันธุ์พื้นเมืองของอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ผลเป็นทรงกลม ขนาดไม่ใหญ่มากนัก ประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อลูก เปลืองบาง ส่วนเนื้อมีสีเหลืองนวล เนียนละเอียด ไม่มีเส้นใย รสชาติหวานมันนุ่มละมุนลิ้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ รับประทานแล้วเหมือนจะละลายหายไปในปากเลยทีเดียว ทุเรียนพันธุ์นี้เจริญเติบโตได้ดีบนภูเขา ทำให้มีต้นทุนในการดูแลและเก็บเกี่ยว จึงมีราคาสูงกว่าทุเรียนพันธุ์อื่น ๆ มีให้รับประทานเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคม-เดือนสิงหาคมเท่านั้น แต่ถึงแม้จะมีราคาสูง บัดดี้ก็อยากให้เพื่อน ๆ ได้ลิ้มลองรสของหลงลับแลสักครั้ง รับรองว่าอร่อยจนครั้งเดียวไม่พออย่างแน่นอน 😍

🌳ทุเรียนหลงลับแล 🌳 อ่านเพิ่มเติม

✨สงขลา : เที่ยว กิน เช็กอิน…ถิ่นประวัติศาสตร์✨

✨วันนี้บัดดี้พาทุกท่านมาเที่ยวจังหวัดสงขลา เมืองใหญ่สองทะเลแห่งดินแดนใต้ที่มีประวัติการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มากว่าพันปี โดยรู้จักในนาม “เมืองสงขลา” จากการพบการตั้งเมืองในสามพื้นที่หลัก คือ เมืองสงขลาเขาแดง หรือซุนกูหน่า มีเกาะแมว เกาะหนู อยู่หน้าเมือง ราวปี พ.ศ. 2140 เป็นยุครุ่งเรืองที่มีการสร้างท่าเรือค้าขายกับชาวต่างชาติด้วยนโยบายการค้าเสรีปลอดภาษี เมืองสงขลาแหลมสน สมัยปี พ.ศ. 2242 เมืองสงขลาถูกโอนไปขึ้นกับเมืองนครศรีธรรมราช เมืองสงขลาบ่อยาง สมัยปี พ.ศ. 2379 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองสงขลามาที่ตำบลบ่อยาง และพระราชทานเสาหลักเมืองฝังไว้กลางเมืองสงขลา 🥰 🌿เมืองสงขลาจึงถูกขยาย มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้น และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมทั้งไทย จีน มุสลิม ด้วยความเติบโตของเมืองแต่ยังคงรักษาวัฒนธรรมและเขตเมืองเก่าไว้อย่างดีทำให้ปัจจุบัน สงขลา เป็นหมุดหมายให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เดินทางมาท่องเที่ยว ค้นหา เรียนรู้ประวัติศาสตร์กันอย่างแพร่หลาย พร้อมกันนี้ สงขลา ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ปี พ.ศ. 2568 และมีโอกาสที่จะได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย เกริ่นเรื่องจังหวัดสงขลามาพอสมควร ตอนนี้บัดดี้จะพาทุกท่านไปเที่ยว กิน เช็กอินถิ่นประวัติศาตร์ ใน 1 วัน ตามมาได้เลย😘 👉โชคดีแต่เตี้ยม บะกุ๊ดเต๋ หาดใหญ่👉สวนประวัติศาสตร์ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์👉เกาะยอ👉หาดชลาทัศน์ โชคดีแต่เตี้ยม บะกุ๊ดเต๋ หาดใหญ่ ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดต้อนรับลูกค้ามากว่า 29 ปี ร้านที่เราไปอยู่บนสองฝั่งถนนของซอยละม้ายสงเคราะห์ ทุกเช้าจะเห็นทั้งผู้คนในพื้นที่ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ มาทานติ่มซำเป็นมื้อเช้า รับคิวก่อนเข้าร้านด้วย มีระบบจัดการคิวที่ดี ถึงสงขลาแล้วต้องมากินให้ได้ บัดดี้สั่ง “ติ่มซำ” อาหารชิ้นเล็ก ๆ น่ารัก ๆ พอดีคำมาหลากหลายชนิด ตอนพนักงานมาเสิร์ฟนี่เพิ่งออกจากหม้อนึ่งร้อน ๆ ควันโขมง กลิ่นหอมฉุย มีทั้งขนมจีบ ฮะเก๋า สาหร่ายห่อกุ้ง ปลานึ่งซีอิ๊ว กระดูกหมูน้ำแดง ข้าวโพดอ่อนหมูเด้ง แต่เตี้ยม ฯลฯ จิ้มน้ำจิ้มสูตรเด็ดของร้าน อร่อยยยยยย ยังมีซาลาเปา ปาท่องโก๋อีก ฟินนนนน ยังไม่พอมีบะกุ๊ดแต๋ ซุปซี่โครงหมูตุ๋นยาจีน ซดน้ำร้อน ๆ คล่องคอดีนะ เปิดบริการ 2 รอบเวลา 06.00-11.30 น. และ 17.00-21.00 น. มีวันหยุดเดือนละ 2 วัน แจ้งผ่านเฟซบุ๊กโทร. 08 0525 9623 ที่ตั้ง 58/25 ซอยละม้ายสงเคราะห์ 1 อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาพิกัด https://goo.gl/maps/qvYsbTC5vYEH8LAcA สวนประวัติศาสตร์ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ สงขลา “เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” เป็นคำพูดของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่เป็นปณิธานที่ท่านได้นำมากล่าวถึงอยู่เสมอ ให้ชาวไทย ลูกหลานได้ตระหนักให้ทำสิ่งดีงาม ทำคุณประโยชน์ให้แผ่นดิน สวนประวัติศาสตร์นี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 140 ไร่ ชาวสงขลาและผู้ศรัทธาร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติแก่ท่าน ปัจจุบันเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สะท้อนวิธีคิด สมควรนำไปเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต การกตัญญูรู้คุณบิดา มารดา ครูอาจารย์ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสงขลา มีพื้นที่ที่น่าสนใจ 3 ส่วน ได้แก่ 1. หอประวัติ นำเสนอเรื่องราวชีวประวัติของ ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ โดยวิทยากรจะเป็นผู้นำชม พร้อมตื่นตาตื่นใจไปกับนิทรรศการและสื่อผสมผสานที่ทันสมัยหลากหลายห้อง บริเวณชั้นล่าง แบ่งพื้นที่จัดแสดงเล่าเรื่องราวตั้งแต่วัยเยาว์ การเข้าเรียนในชั้นปฐมวัย โรงเรียนมหาวชิราวุธ สวนกุหลาบวิทยาลัย นักเรียนนายร้อย จนถึงการเข้ารับราชการทหาร และการเข้าสู่เส้นทางการเมือง ในส่วนของชั้นบน จัดแสดงเป็นห้องนายกรัฐมนตรี (คนที่ 16) นำเสนอภาพและสื่อวีดิทัศน์ในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับปัญหาหลายด้าน แต่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ สามารถแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติไปได้ ไปจนถึงจุดสำคัญและสูงสุดในชีวิตคือได้รับการโปรดเกล้าฯ จากพระมหากษัตริย์ แต่งตั้งให้เป็นประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ สามารถเยี่ยมชมได้เป็นหมู่คณะเท่านั้น โดยจองผ่านเว็บไซต์ www.generalprempark.com (กรุณาจองล่วงหน้า 2 วัน) มีบริการวันละ 6 รอบ รอบแรกเวลา 09.30 น. รอบสุดท้ายเวลา 14.30 น. เปิดบริการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.30-16.30 น. หยุดวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 2. สวนพฤกษศาสตร์ เปิดเป็นสวนสาธารณะสำหรับทำกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ และพักผ่อนหย่อนใจ เป็นพื้นที่ปลูกพืชพันธุ์ไม้พื้นถิ่น พันธุ์ปาล์ม และพันธุ์ไม้หายาก เพื่อการเรียนรู้ด้านพฤกษศาสตร์และพันธุ์ไม้ทั่วไปที่ปลูกไว้เพื่อความร่มรื่นและสวยงาม มีบริการรถจักรยานให้เช่า เปิดทุกวันเวลา 06.00-20.00 น. 3. ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน เป็นพื้นที่ที่มีบึงน้ำขนาดใหญ่ เพาะเลี้ยงพันธุ์ปลา มีสะพานเดินชมธรรมชาติ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่นำชมได้เช่นกันนอกจากนี้ยังมีบริการห้องพัก ห้องประชุม รถรางนำชมสถานที่ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมดนตรีในสวนทุกวันอาทิตย์ (สัปดาห์ที่สองของเดือน) ที่ตั้ง 888 หมู่ที่ 2 ตำบลพะวง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลาโทร. 0 7433 0268พิกัด https://goo.gl/maps/iT9S2STtM8rU74jA9 เกาะยอ เป็นเกาะที่อยู่กลางทะเลสาบสงขลา พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นไหล่เขาและที่ราบตามเชิงเขา เป็นแหล่งเลี้ยงปลาในกระชังที่มีชื่อเสียงของทะเลสาบสงขลา มีร้านอาหารที่อร่อย ๆ มากมาย พร้อมชมบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงาม เราไปแวะกินส้มตำร้านส้มตำป้าเอียด หากมีเวลาเพิ่มขึ้นสามารถมานอนโฮมสเตย์ได้นะคะ พิกัด https://goo.gl/maps/HKqUwTsdwFQpYKpGA หาดชลาทัศน์ หาดสวยสงขลาที่บัดดี้อยากแนะนำ คือ หาดชลาทัศน์ที่ยาวต่อเนื่องมาจากหาดสมิหลา

✨สงขลา : เที่ยว กิน เช็กอิน…ถิ่นประวัติศาสตร์✨ อ่านเพิ่มเติม

🌤เสน่ห์เกาะเกร็ด นนทบุรี✨

ไม่น่าเชื่อว่าจะมีแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุง ที่อยู่บนเกาะและยังมีชุมชนรามัญ (มอญ) ที่ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณีดั้งเดิมสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นกว่า 400 ปีได้อย่างดี ที่สำคัญบนเกาะนี้ไม่มีรถยนต์เลยสักคัน ทำให้ลดมลภาวะไปได้มาก อากาศก็ดี สูดหายใจได้เต็มปอด ทุกคนน่าจะพอทราบแล้ว เกาะที่ว่านี้ก็คือ “เกาะเกร็ด” ของเรานี่เอง วันนี้จะพาทุกท่านเดินเที่ยวบนเกาะเกร็ด ได้ใช้พลังงานของเราอย่างแท้จริง รับรองได้ทั้งการออกกำลัง ได้อิ่มใจและอิ่มท้องแน่นอน โดยเส้นทางนี้จะขอตั้งชื่อว่า “เส้นทางลัดเลาะเกาะเกร็ด สัมผัสเสน่ห์วิถีชีวิตชุมชนรามัญ” เกาะเกร็ด เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว ให้เข้ามาเยือนทุกวันวันธรรมดา ร้านค้าเปิดบางส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ร้านค้าเปิด 100% เริ่มต้นจาก วัดบางจาก สายมูห้ามพลาด เตรียมข้ามฟากไปยังท่าเรือวัดเสาธงทอง เกาะเกร็ด เรือให้บริการตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-19.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ราคาคนละ 5 บาท วันธรรมดาราคาคนละ 10 บาท จ่ายเงินให้คนขับเรือได้เลย เมื่อข้ามเรือมาก็ถึงวัดเสาธงทองเลย จุดไฮไลต์ของที่นี่ คือ เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง เจดีย์ทรงระฆัง และเจดีย์กลีบมะเฟืองที่สมบูรณ์ มีเพียงแห่งเดียวในโลก มีจุดบริการตำรวจท่องเที่ยวอยู่ใกล้ ๆ คอยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวด้วยนะคะ ออกจากวัดเสาธงทอง เดินเลี้ยวขวาเลยไปอีกประมาณ 350 เมตร ถึง วัดไผ่ล้อม มีหงส์ทองขนาดใหญ่ 1 คู่ ตั้งอยู่หน้าอุโบสถ โดยชาวรามัญจัดทำเพื่อเป็นการระลึกถึงบ้านเกิดที่เมืองหงสาวดี หลังอุโบสถมีเจดีย์ชเวดากององค์จำลองให้สักการะ ออกจากวัดไผ่ล้อม เดินเลี้ยวขาวไปอีกประมาณ 160 เมตร เยี่ยมชมโรงงานเครื่องปั้นดินเผาป้าตุ่ม เป็นแหล่งเรียนรู้การทำเครื่องปั้นดินเผ่าจากชาวรามัญโดยแท้ มาถึงที่นี่แล้วต้องลองลงมือปั้นดินด้วยตัวเอง ค่าใช้จ่ายคนละ 100 บาท จากนั้นก็ได้เวลาชอปปิง ตลาดหมู่บ้านโอ่งอ่าง มีทุกอย่างให้เลือก ทั้งของกินอาหารคาว หวาน โดยเฉพาะขนมมงคล ขนมหวานโบราณที่นี่ขึ้นชื่อมาก นอกจากนี้ยังมีร้านขายเสื้อผ้า ต้นไม้ ของเล่น ยาหอม ฯลฯ ระยะทางเดินตลาดประมาณ 500 เมตร เมื่อเดินจนสุดทางเป็นทางเข้า-ออกตลาด จะพบกับ วัดปรมัยยิกาวาสวรวิหาร ชาวรามัญเรียก “เพียะมุเกี๊ยะเติ้ง” มีพระเจดีย์มุเตา (เจดีย์เอียง) เป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ด และยังมีโบราณสถานที่สำคัญเกาะเกร็ด รวมทั้งพระประธานปางมารวิชัย มีพระพักตร์คล้ายคนจริง ๆ ด้วย เดินมานานแล้วท้องเริ่มหิว มาเยือนที่เกาะเกร็ดทั้งที ต้องชิมอาหารขึ้นชื่อ อาหารถิ่นของที่นี่ บัดดี้แวะ ร้านบ้านสวนริมชล เป็นร้านอาหารออร์แกนิกปลอดสารพิษ เมนูแนะนำได้แก่ ทอดมันหน่อกะลา แกงส้มหน่อกะลา เมี่ยงคำกลีบบัว ยำไข่เจียวหน่อกะลา ยำเกสรบัวหลวง ปิดท้ายด้วยแตงโมหน้าปลาแห้ง อย่าลืมกินข้าวแช่ด้วยนะคะ ร้อน ๆ แบบนี้ช่วยดับกระหายได้ดีทีเดียว จุดหมายถัดไป คือ วัดฉิมพลีสุทธาวาส ห่างจากร้านอาหาร ประมาณ 850 เมตร ถือเป็นการเดินย่อยไปในตัว ระหว่างทางจะมีร้าน Café เก๋ ๆ ที่อยู่ติดกับริมน้ำเจ้าพระยา ร้านของเล่นโบราณ ร้านโชว์ห่วยแบบชาวบ้าน ร้านเช่าจักรยาน ร้านขนมหวาน ร้านข้าวแช่ เดินผ่านผู้คนในชุมชมน่ารักมาก คอยทักทาย ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เดินทางถึงวัดฉิมพลีสุทธาวาสแล้ว เป็นวัดรามัญเช่นกัน วัดนี้สร้างในสมัยอยุธยา มีอุโบสถมหาอุตม์ที่งามที่สุดในจังหวัดนนทบุรี บริเวณซุ้มหน้านาง เป็นงานปูนปั้นที่มีความละเอียด อ่อนช้อย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ทรงบูรณะและพระราชทานนามว่า วัดฉิมพลีสุทธาวาส เนื่องจากเป็นพระนามเดิมของท่านชื่อว่า เจ้าฟ้าชายฉิม ส่วนคำว่า “สุทธาวาส” ที่พ่วงท้ายนั้นคล้ายชื่อเดิมของวัดสุทัศน์คือ “วัดมหาสุทธาวาส” ได้เวลากลับไปฝั่งปากเกร็ดแล้ว บัดดี้ยังเหลืออีก 1 วัดที่อยากจะแนะนำเพื่อน ๆ ให้เดินทางมา จากวัดฉิมพลีสุทธาวาส เลี้ยวขวาเพื่อไปยังท่าเรือป่าฝ้าย ประมาณ 130 เมตร เป็นท่าเรือที่ชาวบ้านในชุมชนเกาะเกร็ดใช้สัญจร ข้ามฟากมากที่สุด บัดดี้ขึ้นเรือไปวัดกลางเกร็ด ราคาเพียง 3 บาทเท่านั้น วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งที่เป็นวัดรามัญ มีพระพุทธไสยาสน์ในพระวิหาร ยาวถึง 11 วา มีหอไตรกลางน้ำสร้างด้วยไม้ เป็นอย่างไรบ้างคะ กับเส้นทาง “ลัดเลาะเกาะเกร็ด สัมผัสเสน่ห์วิถีชีวิตชุมชนรามัญ” นักท่องเที่ยว สามารถตามรอยหรือปรับเปลี่ยนเส้นทางตาม lifestyle และเวลาที่สะดวกได้เลย จะไปปั่นจักรยานเที่ยว เดิน-วิ่ง ออกกำลังกาย รอบเกาะ ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร หรือจะล่องเรือเที่ยวรอบเกาะก็ได้เช่นกัน ถ้า 1 วันไม่พอ นอนโฮมสเตย์ที่นี่ก็ยังได้ มีให้เลือกหลากหลายค่ะ ใครไปเที่ยว Style ไหนบ้าง แชร์ประสบการณ์กันมาได้นะคะ

🌤เสน่ห์เกาะเกร็ด นนทบุรี✨ อ่านเพิ่มเติม

ระยอง : One Day Trip

ระยอง เป็นจังหวัดที่มีชายฝั่งติดทะเล มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง เกาะน้อยใหญ่ วิวเขา และทรัพยากรทางธรรมชาติที่สวยงาม  สามารถเดินทางได้หลายรูปแบบ จะเดินทางโดยรถส่วนตัวก็ง่าย เดินทางโดยรถสาธารณะก็สะดวกสบาย ขึ้นรถตู้และรถมินิบัสได้ที่สถานีขนส่งตะวันออกกรุงเทพฯ (เอกมัย) นอกจากนี้ก็มีบางบริษัทที่ให้บริการที่สายใต้ใหม่และหมอชิตด้วย  การเดินทางภายในจังหวัดระยอง มีรถสองแถวไปยังแหล่งต่าง ๆ ให้บริการที่สถานีขนส่งผู้โดยสารระยอง แห่งที่ 1 (ขนส่งเก่า) บริเวณตลาดสตาร์ในตัวเมืองระยอง ชมเมืองเก่าและถนนสายสำคัญในตัวเมืองระยองที่ “ถนนยมจินดา” จากกรุงเทพฯ เราออกเดินทางตอนเช้า ใช้เวลา 3 ชั่วโมงก็มาถึงอำเภอเมืองระยองเป็นที่เรียบร้อย  พาไปชมดอกไม้เมืองหนาวแห่งภาคตะวันออกที่ Miracle of Natural สวนไม้เมืองหนาวในโดมขนาดใหญ่ที่อาคารนิทรรศน์พรรณพฤกษา PTTLNG ซึ่งตั้งอยู่ในอาคารสำนักงานของบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด นั่นเอง พื้นที่ส่วนจัดแสดงพันธุ์ไม้เมืองหนาว อยู่ที่บริเวณชั้น 1 ภายในอาคารสำนักงาน มีโครงสร้างอาคารเป็นโดมกระจกขนาดใหญ่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส อย่าลืมเตรียมชุดให้พร้อมด้วยนะ  ภายในอาคาร จัดแสดงพันธุ์ไม้หลากชนิด ทั้งต้นไม้ใหญ่และดอกไม้ชนิดต่าง ๆ ซึ่งดอกไม้หลัก ๆ ของที่นี่คือดอกทิวลิป  มีสีสันหลากหลาย แถมยังมีความหมายที่ลึกซึ้งอีกด้วย ส่วนดอกไม้อื่น ๆ ที่จัดแสดงร่วมกันก็จะเป็นดอกไม้ที่นำมาเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล อย่างช่วงนี้ เพื่อน ๆ สามารถไปชมดอกแดฟโฟดิลกันได้ เดินลึกเข้ามาอีก ชมแปลงดอกไฮเดรนเยียหลากสี เห็นแล้วใจฟูตามดอกไม้เลย ที่นี่ เปิดให้เข้าชมฟรี เดินเที่ยวเล่น ถ่ายรูปสวย ๆ ไปลงโซเชียลกันได้อย่างเพลิดเพลิน ในกรณีที่ถ่ายรูปเชิงพาณิชย์ ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าก่อน และขอความร่วมมือไม่จับ เด็ด หรือหักดอกไม้ในสวน เพราะจะทำให้ดอกไม้สวย ๆ ช้ำได้ ถ้าอยากได้กลับบ้าน ที่นี่มีตู้จำหน่ายดอกไม้ด้วย ไปเลือกซื้อกันได้  เพื่อน ๆ อาจจะสงสัยทำไมภายในอาคารถึงมีอากาศหนาวเย็นขนาดนี้กันนะ? ความเย็นภายในอาคารนิทรรศน์พรรณพฤกษา PTTLNG คือความเย็นที่เหลือทิ้งจากกระบวนการแปรสภาพของก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquid Natural Gas) นำมาใช้ประโยชน์เพื่อปรับสภาพอากาศภายในอาคารให้หนาวเย็นได้ตลอดเวลา  ภายนอกอาคาร มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม สามารถเดินเล่นถ่ายรูปกันได้ อาคารนิทรรศน์พรรณพฤกษา PTTLNG Miracle of Natural  ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.30-16.30 น. (ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)https://goo.gl/maps/peq96FbGvQXNJNAD6 เพลิดเพลินกับสถานที่สวย ๆ จนได้เวลามื้อกลางวันพอดี บัดดี้พาเพื่อน ๆ มาที่ร้านอาหารครัวบ้านบ้าน byจำลอง ร้านอาหารไทยและอาหารพื้นบ้านจานเด็ดที่มาระยอง ก็ต้องมาลองชิมอาหารฝีมือระดับมาสเตอร์เชฟกัน ที่นี่มีเมนูหลากหลาย แต่ละจานหน้าตาน่ารับประทาน ปริมาณอาหารจัดเต็ม ที่สำคัญรสชาติอร่อย รับประทานง่าย บัดดี้สั่ง “ไข่ตุ๋นทะเลหม้อไฟ”  จานเด็ดแนะนำของทางร้าน เมนูง่าย ๆ ที่อร่อยจนหยุดกินไม่ได้เลย จานนี้คือ “ยำทะเลวาซาบิ” รสเผ็ดแซ่บ วัตถุดิบสดใหม่ หวานฉ่ำมาก ๆ ถ้วยนี้คือ “ต้มโจทะเล” พอได้ยินชื่อแล้วอาจจะไม่ค่อยคุ้น แต่นี่คือจานเด็ดพื้นเมืองระยองที่แนะนำเลยว่าต้องสั่ง เป็นแกงต้มยำที่ใส่ผักกาดดองเพื่อชูรสชาติ แต่เมื่อปรุงเข้าด้วยกันแล้วรสชาติอร่อย กลมกล่อม มีกลิ่นหอมของสมุนไพรอีกด้วย รับประทานของคาวกันจนอิ่มแล้ว ที่นี่ยังมีน้ำแข็งไสให้รับประทานฟรีกันด้วยนะ ครัวบ้านบ้าน Byจำลอง  ตรงข้ามกับหมู่บ้านเพชรรัตน์ เลควิลล์ ตำบลทับมา อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เปิดทุกวัน เวลา 10.30-21.00 น. 06 1619 5356 https://goo.gl/maps/Lbrn19nMSwmHMAp4A ทอดน่อง ส่องอาคารบ้านเรือนในย่านถนนยมจินดา ถนนสายแรกแห่งระยอง ที่สำคัญยังเป็นแหล่งการค้าแห่งแรกของชายฝั่งตะวันออกอีกด้วย บริเวณโดยรอบ แม้จะมีการปรับปรุงไปตามยุคสมัย แต่ยังคงกลิ่นอายของชุมชนดั้งเดิมที่มีอายุนับร้อยปี มีทั้งบ้านเรือนที่พักอาศัย ร้านค้า ร้านอาหารและคาเฟ่ หากใครนึกภาพไม่ออกว่าในอดีต ย่านนี้เป็นอย่างไร เราจะพาเพื่อน ๆ มาที่พิพิธภัณฑ์เมืองระยอง ในอดีต ที่นี่คือบ้านสัตย์อุดม ของท่านขุนศรีอุทัยเขตร์ (ขุนศรีโป๊ง สัตย์อุดม) คหบดีเก่า เจ้ากรมการทางระยอง เจ้าของอู่ต่อเรือ และยังเป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์ในอดีต ต้องบอกเลยว่าย่านนี้ในอดีตเป็นย่านที่เจริญรุ่งเรืองมาก ๆ พิพิธภัณฑ์เมืองระยอง เป็นสถานที่รวบรวมความทรงจำของระยองในอดีต เป็นอาคารไม้สองชั้น จัดเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่เคยใช้จริง รวมทั้งภาพถ่ายในสมัยก่อนมาจัดแสดงไว้ภายในพิพิธภัณฑ์ เปิดให้เข้าชมฟรี พิพิธภัณฑ์เมืองระยอง  ถนนยมจินดา ตำบลท่าประดู่ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น.https://goo.gl/maps/VL7QJJet14w9YhLb7 บริเวณหัวมุมถนนชุมพล ในย่านเดียวกับถนนยมจินดาคือตึกกี่พ้ง เป็นอาคารเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างยุโรปและจีน ซึ่งเป็นศิลปะแบบเดียวกับตึกเก่าภูเก็ต ปัจจุบันเปิดเป็นคาเฟ่ในชื่อ “หลานเอก คอฟฟี่เฮาส์”  บรรยากาศในร้านตกแต่งแนวย้อนยุค มีหลายมุมให้เลือกนั่ง สั่งเครื่องดื่มไปแล้ว ระหว่างรอ พาเพื่อน ๆ ขึ้นมาชมนิทรรศการหมุนเวียนที่ชั้น 2 ของคาเฟ่ ซึ่งจะมีคอนเซ็ปต์ของนิทรรศการที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แต่เป็นเรื่องราวของชุมชนหรือจังหวัดระยองเท่านั้น บริเวณระเบียงด้านนอก แม้จะมีพื้นที่เล็ก ๆ แต่ก็สามารถจัดพื้นที่ได้อย่างลงตัว นอกจากตัวร้านจะน่าสนใจแล้ว เมนูในร้านก็น่าสนใจไม่น้อย โดยร้านมีแนวคิดให้สอดคล้องกับความเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดระยอง ที่สำคัญ ยังใช้วัตถุดิบท้องถิ่นของระยองมารังสรรค์เป็นเมนูต่าง ๆ อีกด้วย  หลานเอก คอฟฟี่เฮาส์ – Laan Ek Coffeehouse  ถนนชุมพล ตำบลท่าประดู่ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. 06 4265 9699https://maps.app.goo.gl/c8kwSyvfkd7jVvqx7 ตกเย็น พามาชมที่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า – หมู่เกาะเสม็ด  ภายในอุทยานฯ มีทั้งจุดชมวิว ลานกางเต็นท์ และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเลียบชายหาด เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก และยังเป็นที่อาศัยของลิงด้วย ใครพกขนมมา แนะนำให้เก็บให้มิดชิด แวะมาถ่ายรูปเล่นที่หอคอยสีขาวก่อนจะไปเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ตรงนี้เรียกว่าเป็นซิกเนเจอร์ของเขาแหลมหญ้า พื้นที่ชายฝั่งภายในที่ทำการอุทยานฯ มีลักษณะเป็นลานหิน มีต้นไม้ร่มรื่น สามารถลงไปนั่งชิงช้ารับลมยามเย็นกันได้

ระยอง : One Day Trip อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top